ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012

Posted by dddasd On วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012

อันดับ 10. Two International Finance Centre, Hong Kong


ตึก Two International Finance Centre ตั้งอยู่ที่ ฮ่องกง เสร็จสมบูรณ์ในปี 2003 เป็นตึกระฟ้าสุดทันสมัยและสวยงาม ภายนอกอาคารตกแต่งด้วยกระจกสะท้อนอนาคต ความสูงอยู่ที่ระดับ 1,352 ฟุต เป็นหนึ่งในไม่กี่โครงสร้างในโลกที่มีลิฟท์สองชั้น!
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 9. Willis Tower, Chicago
Willis Tower หรือชื่อเดิมคือ Sears Tower ตั้งอยู่ที่ เมืองชิคาโก เป็น ตึกที่สูงที่สุดในอเมริกา ด้วยระดับความสูง 1,353 ฟุต มีการวางศิลาฤกษ์ของอาคาร 110 ชั้น แห่งนี้ ใน เดือนสิงหาคม ปี 1970 และสร้างเสร็จในปี 1973 ความพิเศษอยู่ที่ ชั้น 103 มีจุดชมวิวยื่นออกจากตัวตึก ให้นักท่องเที่ยวมองเห็นเมืองชิคาโกได้อย่างเต็มตา
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 8. The Trump International Hotel, Chicago
10 อันดับ ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012
ตึกกระจกสุดมันวาว Trump International Hotel อีกหนึ่งตึกสูงระฟ้าที่อยู่ในเมืองชิคาโก มีความสูง 1,362 ฟุต ประกอบด้วย 92 ชั้น เคยติดอันดับ ตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ใน ปี 2009
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 7. The Jin Mao Building, Shanghai, China
Jin Mao Building ตั้งตระหง่านอยู่ที่ เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างขึ้นแทนที่ King Towerเป็น ตึกที่สูงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ เสร็จสมบูรณ์ใน ปี 1999 ด้วยความสูง 1,380 ฟุต เป็นทั้งโรงแรม สำนักงาน สถานบันเทิง มีทั้งหมด 88 ชั้น ให้บริการด้วยลิฟท์ถึง 130 ตัว!
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 6. Guangzhou West Tower, China
Guangzhou West Tower ยึดตำแหน่งหนึ่งใน ตึกที่สูงที่สุดในโลก 2012 ที่ระดับ 1,444 ฟุต ตั้งอยู่ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน ภายในตึกระฟ้า 103 ชั้น ทำหน้าที่เป็นทั้งโรงแรม สำนักงาน และศูนย์การประชุม เปิดให้บริการในปี 2010 ตึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ตึกแฝด Guangzhou Twin Towers Complexซึ่ง Guangzhou East Tower จะคลอดในปี 2016
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 5. Greenland Financial Center, Nanjing, China
Greenland Financial Center ตึกระฟ้าแห่ง หนานจิง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีระดับความสูงที่ 1,476 ประกอบด้วย 71 ชั้น เริ่มสร้างใน ปี 2005 เสร็จสิ้นในปี 2010 เปิดให้บริการด้านโรงแรมและสถานบันเทิง
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 4. Petronas Towers, Kuala Lumpur, Malaysia
ตึกที่สูงที่สุดในโลก
Petronas Towers แห่ง กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สูง 1,483 ฟุต สร้างเสร็จใน ปี ค.ศ. 1998 และครองตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก จนโดนโค่นแชมป์ใน ปี 2003 ความโดดเด่นอยู่ที่ สะพานเชื่อมอาคาร ซึ่งมีน้ำหนัก 750 ตัน อยู่ที่ชั้น 42 และ 43 ปัจจุบัน Petronas Towers ยังครองแชมป์ ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 3. Shanghai World Financial Center, China
ตึกที่สูงที่สุดในโลก
ด้วยความสูง 1,614 ฟุต จึงทำให้ Shanghai World Financial Center ของจีน ถูกคาดหวังว่าจะเป็นผู้ทำลายสถิติ ตึกที่สูงที่สุดในโลก จาก Petronas Towers แต่เหมือนถูกสวรรค์กลั่นแกล้งให้กระเป๋าแห้งซะก่อน การก่อสร้างเริ่มใน ปี 1997 แต่หยุดชะงักลงกลางครันไปหลายปี เนื่องจากมีปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่เมื่อแล้วเสร็จ ก็ต้องระเห็ดตกเก้าอี้แชมป์ ไม่เป็นดังหวัง เมื่อ Taipei 101 ผงาดค้ำฟ้าในเวลาไล่เลี่ย ด้วยความสูงที่เหนือกว่า คว้าตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก ตัดหน้า Shanghai World Financial Center ไปซะงั้น!
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 2. Taipei 101, Taiwan
Taipei 101 ตาอยู่ผู้ทำลายสถิติ ครองตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2003 ด้วยการเพิ่มยอดเสาตึกจนมีความสูง 1,676 ฟุต ตั้งตระหง่านอยู่ที่ เขตซินยี เมืองไทเป แห่ง ไต้หวัน มีทั้งหมด 91 ชั้น เป็นทั้งศูนย์บริการด้านการเงิน สำนักงาน แหล่งช้อปปิ้ง และติดอันดับ ลิฟท์สองชั้นที่เร็วที่สุดในโลก
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 1. Burj Khalifa, Dubai
ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012
มาถึงแชมป์ ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปี 2012 อย่าง Burj Khalifa แห่ง ดูไบ ความสูงเข้าวิน ด้วยระดับ 2,717 ฟุต อาคารสูง 160 ชั้น แห่งนี้ เป็นทั้งอพาร์ตเมนท์ โรงแรม สำนักงาน ภัตตาคารหรู ด้วยที่สุดของความสูงเสียดฟ้า จึงผงาดอย่างเนียนๆ เฉือนมาอีก 2 ตำแหน่ง “ลิฟท์ที่สูงที่สุดในโลก” และ “จุดชมวิวที่สูงที่สุดในโลก” คิดมาคิดไป มันก็ต้องแน่น่ะสิ ยิงปืนนัดเดียว มีเอี่ยวไปหลายแชมป์!
อย่างไรก็ตาม บนโลกที่ไม่หยุดนิ่ง ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลง ไม่รู้ว่า Burj Khalifa จะครองตำแหน่ง ตึกที่สูงที่สุดในโลก ได้นานเท่าไหร่ เพราะแว่วว่า Azerbaijan Tower กำลังจะมาพร้อมความสูงเว่อร์ 3,440 ฟุต!
ข้อมูล : www.globalgrasshopper.com เรียบเรียง : travel.mthai.com


READ MORE

กฎหมายแปลกๆ แต่จริง อ่านแล้วขำๆ

1. ห้ามเด็กปากเหม็นไปโรงเรียน!! (อเมริกา : รัฐเวสเวอจิเนีย)

2. ห้ามสอนเต้นในที่ที่ไม่ใช่ที่สาธารณะ (เกาหลีใต้)

3. เกมคอมพิวเตอร์เป็นเกมผิดกฎหมาย (กรีก)

4. ความเร็วสูงสุดในการขี่จักรยานคือ 110 กม.!! (อเมริกา : รัฐ Connecticut)

5. ที่อิหร่านใครเป็นเกย์ต้องถูกแขวนคอ

6.ในอังกฤษ ห้ามมิให้แท็กซี่ รับหมาบ้าและศพ ขึ้นรถ!

7. ในอินโดนิเซีย โทษสำหรับการสำเร็จความใคร่คือการตัดศรีษะ

8. ในสวิตเซอร์แลนด์ ห้าม ล้างรถในวันอาทิตย์! (เพื่ออะไรไม่รู้)

9. การกดชักโครกหลัง 4 ทุ่ม ในสวิตฯ ผิดกฎหมาย

10. ในสหราชอาณาจักรห้าม สร้างเตียงนอกหน้าต่าง!

11. ในอิตาลี ถ้าบุรุษใดคิดทะลึ่งนุ่งกระโปรง ผู้นั้นจะได้นอนมุ้งสายบัว!

12. ในอิสราเอล จะผิดกฎหมาย ถ้าพาหมีไปเดินตามชายหาด!

13. ในแคนาดา ห้ามแกะผ้าปิดแผลในที่สาธารณะ (สงสัยกลัวว่าคนอื่นจะกลัวบาดแผล)

14. ในบังกลาเทศ นักเรียนผู้ใดทุจริตในการสอบ มีสิทธิติดคุกได้

15. ฆ่าคน 62 คน แต่โดนโทษจำคุกแค่ 22 ปี (นอร์เวย์)
หมอชื่ออานฟิน เนเซ็ท ได้ฆาตกรรมคนชรา 62 คนโดยการฉีดยาพิษเข้าที่ผิวหนังด้วยเหตุผลที่ว่า “สนุก” “ต้องการให้ได้ตายสบายๆ” เพราะเป็นโรคทางจิต เนื่องจากประเทศนอร์เวย์ไม่มีโทษประหารหรือจำคุกตลอดชีวิต จำคุก 22 ปีก็เป็นโทษสูงสุดที่ให้ได้ในตอนนั้น.. เมื่อปี 2004 อีตานี่ก็พ้นโทษ.. 

และตอนนี้ก็ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอย่างมีความสุขแล้ว *-*

16. แค่ขโมยแตงโมลูกเดียวโดนโทษจำคุกตลอดชีวิต?? (จีน)
หมอนี่ขโมยแตงโมลูกเดียวจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากอีตาคนนี้ไม่มีไรกิน ก็ขโมยแตงโมในตลาดไปลูกนึง ปรากฎว่าคนอื่นเห็นก็พากันเอาอย่างไปหยิบมาบ้าง ปรากฎว่าแตงโมหายไป 25 ตัน ทางการให้เป็นความผิดของหมอนี่หมดเพราะถือว่าเป็นเพราะเริ่มขโมยคนแรก (ซวย...) เลยโดนจำคุกตลอดชีวิต

17. ใครไม่รับใบเสร็จโดนปรับสูงสุด 15,000 ยูโร (อิตาลี)
สำหรับประเทศอิตาลีแล้วจะมีภาษีตัวนึงที่คล้ายๆภาษีผู้บริโภค (IVA) ที่เก็บสูงถึง 20% ทำให้คนทำธุรกิจหลายรายหลีกเลี่ยงโดยการไม่ออกใบเสร็จให้.. เลยมีกฎหมายตัวนี้ขึ้นมา

ขอบคุณข้อมูลจาก www.comscience.net


READ MORE


รู้ไหม? โรคหัวใจขาดเลือด ทำให้คนตายชั่วโมงละ 2 คน
“โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน” หรือ Acute Coronary Syndrome หรือ Heart Attack คืออันตรายและภัยเงียบ
จากข้อมูลจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ปัจจุบันโรคหลอดเลือดเป็นสาเหตุการป่วยและเสียชีวิตของคนไทยสูงเป็นอันดับ 3 รองจากมะเร็งและอุบัติเหตุจราจร
โดยมีผู้เสียชีวิตปีละประมาณ 18,000 ราย สาเหตุส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80 เกิดมาจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จากปัญหาหลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน พบผู้ป่วยรายใหม่ปีละประมาณ 22,000 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
จากการศึกษาของสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสถาบันโรคทรวงอก และหน่วยงานอื่นๆ ทั่วประเทศ 17 หน่วยงาน พบว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันชนิดรุนแรง มีอัตราการตายสูงถึงร้อยละ 17 ซึ่งสูงกว่าต่างประเทศที่พบร้อยละ 7 หรือกว่า 2 เท่าตัว
กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ชั่วโมงละ 2 คน ซึ่งตัวเลข 2 คนนี้ ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง และมีความสำคัญยิ่ง เพราะคนตายมักอยู่ในวัยทำงานหาเลี้ยงครอบครัว มีคุณค่าต่อครอบครัว เพราะมันเป็นภัยเงียบ มักไม่รู้ตัวหรือมีอาการมาก่อน หากไม่ดูแลเฝ้าระวังสุขภาพ
โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
มีสาเหตุมาจากการตีบตัน แคบลงของหลอดเลือดแดง เนื่องจากมีไขมันและคอเลสเตอรอลไปเกาะที่ผนังของหลอดเลือด โดยผู้ป่วยจะมีอาการแสดงออกเมื่อมีการตีบตันมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ในลักษณะเจ็บแน่นหน้าอกเวลาออกแรงมากๆ เครียด หรือหลังจากทานอาหารมื้อหนัก ส่วนมาก 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยจะเจ็บบริเวณกลางหน้าอก คล้ายมีอะไรบีบรัดหรือกดทับและอาจร้าวไปที่คอ กราม ไหล่ซ้าย หรืออาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก หน้ามืด อาเจียน ซึ่งอาการเจ็บดังกล่าวหากนั่งพักจะหายไปเอง
การรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย การรักษาที่ผู้ป่วยจะได้รับ
๑. การให้ออกซิเจน
๒. การให้ยาแก้ปวด
๓. การใช้ยาขยายหลอดเลือด
๔. การใช้ยาป้องกันเลือดแข็งตัว หรือ ยาละลายลิ่ม
๕. การรักษาอย่างอื่น ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆไป
โดยทั่วๆไปผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีแพทย์เชี่ยวชาญทางโรคหัวใจโดยเฉพาะผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือ ภาวะหัวใจล้มเหลว เกดขึ้นได้ ผู้ป่วยควรจะได้รับการตรวจสัญญาณชีพจรบ่อยๆ  และควรจะได้บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจอยู่ตลอดเวลา
ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ให้อมยาไนโตรกลีเซอรีน หรือ ไนเตรตใต้ลิ้น แล้วรีบมาโรงพยาบาล
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรค
๑. เพศชายอายุ ๔๐ ปี เพศหญิงวัยหมดประจำเดือน
๒. การสูบบุหรี่
๓. ภาวะไขมันในเลือดสูง
๔. ความดันโลหิตสูง
๕. โรคเบาหวาน
๖. อ้วน
วิธีการปฏิบัติเพื่อป้องกันโรค
๑. ความคุมความดันโลหิตสูง โดยการควบคุมอาหาร และการใช้ยา
๒. หยุดสูบบุรี่
๓. ลดระดับความมันในเลือด โดยเลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำมันจากสัตว์ น้ำมันมะพร้าว และกะทิ
๔. ปรับปริมาณแคลลอรี่ในอาหารให้พอดี เพื่อให้ได้น้ำหนักตัวที่เหมาะสมกับความสูง
๕. ออกกำลังกายพอประมาณทุกวัน หรืออย่างน้อย ครั้งละ ๒๐ นาที ๓ ครั้งต่อสัปดาห์
๖. ถ้าเป็นเบาหวานความควบคุมน้ำตาลให้ดี

ขอบคุณข้อมูล Mthai.com
READ MORE

พวกนอนมาก เสี่ยงสมองเสื่อม (ไอเอ็นเอ็น)
          คนที่นอนมากกว่า 8 ชั่วโมง/วันเสี่ยงสมองเสื่อมอัลไซเมอร์เพิ่ม 2 เท่า อันตรายนี้พบในคนที่นอนตื่นสายและนอนตอนบ่ายเช่นกัน

          กลไกเรื่องนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ทว่า... อาจเป็นไปได้ว่า การนอนมากอาจะเป็นอาการแสดงเริ่มแรกของกลุ่มโรคสมองเสื่อม และโรคซึมเศร้า ซึ่งเพิ่มเสี่ยงสมองเสื่อม

          UK ซึ่งมีประชากรพอ ๆ กับไทย มีคนไข้โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ 750,000 ราย และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปริมาณคนสูงอายุมีเพิ่มขึ้น
          
          นักวิจัยจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแมดริด สเปน ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างอายุ 65 ปีขึ้นไป 3,286 คน ติดตามไปนานกว่า 3 ปี กลไกที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ทว่า... พบมีตะกอนพิษ (plaques & tangles) สะสมในสมอง ทำให้เกิดการอักเสบ การใช้สมองเป็นประจำ เช่น การอ่าน-เขียน ใช้มือสองข้างทำงาน เล่นเกมส์ ฯลฯ

          การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า กินอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งหนักผลไม้ทั้งผล (น้ำผลไม้ปั่นรวมกากใช้ได้ แต่ไม่ใช่น้ำผลไม้กรองกาก), ผัก, ปลาทะเลที่ไม่ผ่านการทอด, ถั่วเปลือกแข็งกระเทาะเปลือก เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ ลดเสี่ยงโรคได้ 80%

          อาหารไทยมีลักษณะคล้ายอาหารเมดิเตอร์เรเนียนอยู่แล้ว ขอเพียงเปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง, เปลี่ยนขนมปังขาวเป็นโฮลวีท (เติมรำ), ใช้น้ำมันมะกอกทำสลัด, ใช้น้ำมันชนิดดีมาก (รำข้าว ถั่วลิสง คาโนลา เมล็ดชา) ผัด-ทอด, ลดกะทิ ไม่ใช้น้ำมันปาล์ม-มะพร้าว, ลดขนม-เบเกอรี่หน่อยจะคล้ายกันมาก

          การไม่สูบบุหรี่ ออกแรง-ออกกำลัง ไม่ดื่มหนัก ระวังหัวกระแทก เช่น เมาไม่ขับ, ง่วงไม่ขับ ฯลฯ สวมหมวกกันน็อค-เข็มขัดนิรภัยเป็นประจำ ไม่ขับรถเร็ว การกินขมิ้น ป้องกันดูแลรักษาความดันเลือดสูง และเบาหวานให้ดี มีส่วนช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้

          การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การนอนมากเกินเพิ่มเสี่ยงเบาหวานชนิด 2 ซึ่งพบมากในเด็กอ้วนและผู้ใหญ่


ขอบคุณ Kapook

READ MORE

ไปดู เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาแรกในประเทศไทย...

สาขาถนนพัฒน์พงศ์ ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนพัฒน์พงษ์ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2532 

ปัจจุบันมีจำนวนสาขาประมาณ 6,300 สาขา (มกราคม พ.ศ. 2555) เฉพาะในกรุงเทพมหานคร มีมากกว่า 300 สาขา มียอดขายเฉลี่ย 65,019 บาท ต่อวันต่อสาขา


ขอขอบคุณข้อมูลจาก th.wikipedia.org


READ MORE

ส้มตำ.. ทำจากมะละกอแท้ๆ ทำไมไม่เรียกมะละกอตำกันนะ ?
อาหารจานเด็ด สำหรับผู้นิยมอาหารรสแซ่บ และยังได้รับความนิยมในหมู่
ชาวต่างชาติ จนกลายเป็นอาหารประจำชาติไปแล้ว

#คำว่า "ส้มตำ" เป็นภาษาถิ่น มาจากคำว่า "ส้ม" มีความ

หมายว่ารสเปรี้ยว
ส่วนทำว่า "ตำ" เป็นกริยา หมายถึง การทำให้แหลกโดยอุปกรณ์เฉพาะ
ที่เรียกว่า "สาก" คำว่า "ส้มตำ" จึงหมายถึง อาหารรสเปรี้ยวที่ผ่านการตำ

ส้มตำจัดเป็นอาหารกลุ่มเดียวกับสลัด โดย จะนำผัก และผลไม้ มาผสมรวมกัน
แล้วคลุกให้เข้ากันด้วยการตำ ส่วนมากจะใช้มะละกอดิบ มาตำในครกกับ มะเขือเทศ ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง พริก และกระเทียม แล้วปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา มะนาว เน้นรสเปรี้ยวและเผ็ด ทั่วไปนิยมทานคู่กับข้าวเหนียวและไก่ย่าง โดยมีกระหล่ำปลี หรือถั่วฝักยาว เป็นเครื่องเคียง
คนทั่วไปมักเข้าใจว่า "ส้มตำ" เป็นอาหารพื้นเมืองของภาคอีสาน หรือของประเทศลาว แต่แท้จริงแล้ว ส้มตำถือเป็นอาหารสมัยใหม่ ที่ถือกำเนิดมาราว 40 ปีเท่านั้น เนื่องจากมะละกอ เป็นพืชนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ในช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งเวลานั้นสหรัฐอเมริกา

ได้เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย และได้มีการตัดถนนมิตรภาพ เพื่อใช้ในการลำเลียงยุทโธปกรณ์ต่างๆ พร้อมทั้งได้นำเมล็ดพันธุ์มะละกอ ไปปลูกทั้งสองข้างถนนมิตรภาพ ด้วยเหตุนี้ มะละกอจึงได้เดินทางเข้าสู้ภาคอีสาน และเกิดเป็นอาหารจานเด็ด อย่าง "ส้มตำ" ขึ้น





ขอขอบคุณ :http://ส้มตํา.th/
READ MORE