ประวัติ ขงจื่อ(孔子)กับสำนักปรัชญาขงจื่อ

Posted by dddasd On วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

เมื่อกล่าวถึงประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน ก็ต้องเอ่ยถึงชื่อของขงจื้อ เมื่อทศวรรษ1970 มีนักวิชาการชาวอเมริกันผู้หนึ่งได้จัดให้ขงจื้อเป็น อันดับที่5ใน100คนที่มีอิทธิพลสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แต่กล่าวสำหรับคนจีนแล้ว อิทธิพลของขงจื้อน่าจะอยู่อันดับแรกมาก กว่า กล่าวได้ว่าคนจีนทุกคนต่างได้รับอิทธิพลจากสำนักปรัชญาขงจื้อ ไม่มากก็น้อย
ขงจื้อ  (ก่อนค.ศ. 551-479) มีชื่อตัวว่า ชิว  เป็นคนรัฐหลู่ (คำว่าจื้อ ” เป็นคำยกย่องผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นอาจารย์”) เป็นนักคิดและนักการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ในปลายสมัยชุนชิวและเป็นผู้ก่อตั้งสำนักปรัชญาหยูเจียหรือสำนักปรัชญาขงจื้อนั่นเอง  ได้รับการยกย่องว่า เป็นปรมาจารย์แห่งจริยธรรมผู้ยิ่งใหญ่    
 ขงจื้อเกิดที่รัฐหลู่ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่เก็บรักษาคัมภีร์โบราณสมัยราชวงศ์โจวได้สมบูรณ์ที่สุด ถึงกับได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งจารีตและ ดนตรีมาแต่โบราณกาล การก่อรูปแนวคิดขงจื้อขึ้นอาจได้รับ อิทธิพลจากขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมและบรรยากาศทางการศึกษา ของรัฐหลู่
  ขงจื่อสูญเสียบิดาตั้งแต่อายุ3ขวบ มารดาเป็นหญิงผู้ซื่อ สัตย์สุจริตเลี้ยงดูขงจื้อมาด้วยความเข้มงวดกวดขัน เพื่อให้ลูกได้เป็น ผู้มีความรู้และมีคุณธรรม  
ขงจื้อมีความรักและสนใจในการศึกษาหาความรู้ตลอดจนศึกษาพิธีกรรม การเซ่นสรวงต่างๆที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล
 ขงจื้อตั้งตนเป็นอาจารย์เมื่ออายุ30และเริ่มถ่ายทอดความรู้แก่ ลูกศิษย์อย่างไม่ท้อถอย การถ่ายทอดความรู้ของขงจื้อได้พลิกโฉม การศึกษาในสมัยนั้นโดยทำลายธรรมเนียมการเรียนการสอนที่จำกัดอยู่เฉพาะแต่ในราชสำนัก ทำให้ประชาชนทั่วไปตื่นตัวทางการศึกษา และวัฒนธรรมมากขึ้น    ขงจื้อมีวิธีของตนในการรับศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนในชนชั้นใด แค่มอบสิ่งของเล็กน้อยเป็นค่าเล่าเรียนแม้เนื้อตากแห้งเพียง ชิ้นเดียวก็รับไว้เป็นลูกศิษย์ เล่ากันว่า ท่านมีลูกศิษย์มากถึง 3,000 คน ที่ยกย่องกันว่า มีความรู้ปราดเปรื่องและมีคุณธรรมสูงส่งมี70คน  จากสานุศิษย์70คนนี้ คนรุ่นหลังจึงได้ทราบถึงแนวคิดต่างๆของขงจื้อ เนื่องจากลูกศิษย์ขงจื้อ ได้บันทึกคำสอนของอาจารย์ตนไว้ในรูปของ คำสนทนาระหว่างอาจารย์กับศิษย์โดยขึ้นต้นว่าอาจารย์กล่าวว่า...” ภายหลังลูกศิษย์ได้นำคำสอนของขงจื้อมาประมวลแล้วเรียบเรียงขี้น เป็นหนังสือชื่อว่าหลุนอวี่” บั้นปลายชีวิต ขงจื้อก็ได้รวบรวม บันทึกพงศาวดารและปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆมีชื่อว่าชุนชิวขงจื้อยัง เป็นบรรณาธิการหนังสือสำคัญๆทางวรรณคดีจีนซึ่งเป็นที่ยกย่องกันภาย หลัง ได้แก่ซูจิง”(ตำราประวัติศาสตร์)ซือจิง”(ตำราว่าด้วยลำนำกวี) เป็นผู้ตรวจแก้อี้ว์จิง”(ตำราว่าด้วยการดนตรี-แต่สาบสูญไปในภาย หลัง)และหลี่จี้”(ตำราว่าด้วยจารีตประเพณี) หนังสือทั้ง5เล่มนี้เรียก รวมกันใน ภาษาจีนว่าอู่จิง”(คัมภีร์ทั้งห้า)
ขงจื้อเน้นหนักในการบ่มเพาะเรื่องเมตตาธรรม ความชอบธรรม และจารีตประเพณี คำสอนของท่านเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและงดงามอย่าง ยิ่ง ความคิดของขงจื้อได้กลายเป็นแกนหลักสำคัญในวัฒนธรรมจีน และมีอิทธิพลสำคัญต่อความคิดของชนชาติจีน คุณธรรมอันดับแรก   ที่ขงจื้อสอนสั่งคือเหรินหรือเมตตาธรรม เมื่อลูกศิษย์แต่ละคนของ ท่านขงจื่อเรียนถามท่านอาจารย์ว่า "อะไรเรียกว่า
เหริน ?" ท่านก็จะตอบโดยพิจารณาตามบุคลิกอุปนิสัยใจคอของลูกศิษย์คนนั้น ๆ ดังนั้นเมื่อเห็นคำอธิบายกับลูกศิษย์แต่ละคนแล้วก็ไม่เหมือนกันเลย แต่ต้องเอาคำอธิบายทั้งหลายมารวมความกันจึงเป็นความหมายอัน สมบูรณ์แบบของ "เหริน"
 พอถึงวัยชรา ขงจื้อใช้เวลาทุ่มเทอยู่กับการจัดการประวัติศาสตร์ และดำเนินการด้านการศึกษาต่อไป ขงจื้อก็ถึงแก่กรรมปี479ก่อนคริสต์ศักราช ร่างถูกฝังไว้ที่ซื่อสุ่ยทางเหนือของรัฐหลู่(ปัจจุบันอยู่ในมณฑลซานตง) เป็นการสิ้นสุดชีวิตขงจื่อ แต่ปรัชญา แม้จะผ่านไปหลายพันปีขงจื่อยังคงอยู่ตราบถึงปัจจุบัน
READ MORE

เอ็ดเวิร์ด ทีช หรือ แบล็กเบียร์ด (1680-1718) ไอ้เคราดำ 

โจรสลัดสัญชาติอังกฤษ เป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสีย(ง)และโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ในช่วงปี 1702-1713 (สมัยศตวรรษที่ 18) ในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปน เขามีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือน
ใครเพราะเขาทักหนวดจนเหมือนงูเลื้อยอยู่บนหน้า, สับคนขาด 2 ท่อนด้วยดาบเดียว, พกปืน 6 กระบอกข้างลำตัวแต่ละข้างตลอดเวลา,

มีภรรยา 14 คน เขามีประวัติการปล้นสะดมและฆาตกรรมหลายคดีจนเป็นที่หมายหัวจากสามประเทศโจรสลัดตัวแสบที่ชื่อดังกระฉ่อนโลกที่สุด อาณาจักรของเขาคือแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกของ อเมริกา เอ็ดเวิร์ด ทีชบ้าบิ่นขนาดกล้าประกาศเป็นศัตรูกับฝ่ายรัฐและไม่เกรงกลัวการทำสงคราม เขาคือจอม วายร้าย เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและไม่เคยยอมแพ้ใคร เขาคือ ตำนานโจรสลัดแห่งแคริบเบี้ยน

เอ็ดเวิร์ด ทีช โจรสลัดเคราดำคนนี้ เชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของตัวละครอย่างกัปตันฮุกในเรื่องปีเตอร์แพน เป็นเจ้าของภาพลักษณ์ที่ได้รับความนิยมไม่ต่างจากอดีต ภาพลักษณ์ของเขาถูกเอามาใช้ในภาพยนตร์เรื่อง ไพเรตส์ออฟเดอะแคริบเบี้ยน ที่นำแสดงโดย จอห์นนี เด็ปป

ไม่มีใครทราบความเป็นมาของเอ็ดเวิร์ด ทีช หรือทาช หรือแทตช์ ในหนังสือ ประวัติการปล้นสะดมและฆาตกรรมของโจรสลัดชื่อดังแห่งยุคอันเป็นที่มาของตำนานเคราดำซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1724 บอกว่าเขามาจากบริสทอล เชื่อกันว่าทีชหันมาเป็น

โจรสลัดหลังจากเดินทางไปกับเรือเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ปล้นเรือต่างชาติในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปนในช่วงปี 1702-1713 เพราะการปล้นเรือลำหนึ่งอาจได้เงินถึง 20,000 ปอนด์ และส่วนแบ่งของสมุนโจรคนหนึ่งอาจมากกว่าเงินที่กะลาสีผู้ซื่อสัตย์หาได้ตลอดชีวิตเลยทีเดียว



ไอ้เคราดำพบจุดจบของเขาที่ทิศเหนือ ชายฝั่งรัฐนอร์ทแคโรไลน (Carolina) โดยลูกน้องคนสนิท ชื่ออิสราเอล แฮนส์ หักหลังไอ้เคราดำ โดยไปบอกข้าหลวงอังกฤษที่ Virginia รู้ จากนั้นเรือนาวิกโยธินอังกฤษที่นำโดย Robert Maynard ก็ต้อนเรือของไอ้เคราดำจนมุม และเปิดศึกทั้งสองฝ่ายลูกเรือทั้งเจ้าเคราดำยังยืนยัดสู้ท่ามกลางทหารฝ่ายศัตรูที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาไว้

ครั้งแรกเขาถูกยิงลูกระเบิดยิงบนดาดฟ้าเรือ จนบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังดวลดาบกับทหารและ Maynard จนโดนดาบศัตรูฟันทั้งด้านหน้าและหลัง

เมื่อการต่อสู้จบลง ไอ้เคราดำตาย จากการตรวจสอบพบว่าเขาโดนยิงกว่า 25 นัด และมีบาดแผลที่ถูกดาบฟันกว่า 20 บาดแผล เขาถูกตัดหัวและตรึงไว้หน้าเรือด้วยตะปู ร่างถูกโยนทะเล มีเรื่องเล่ากันว่าร่างไร้หัวของเขายังว่ายวนรอบ ๆ เรือหลายรอบก่อนที่จะจมทะเลในที่สุด

ที่มา http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=433943


READ MORE


......
หลายครั้งในชีวิตของเรา การงาน การเงิน สังคม
และชีวิตครอบครัว ทำให้เราต้องคิดหนัก
ใช้สมองและความคิดในเรื่องต่างๆมากมายหลายเรื่อง
บางครั้งก็ทำให้คนเราเครียดหรือเหนื่อยล้าไปได้เหมือนกัน
.....
ไม่เป็นไรครับ เหนื่อยนัก เครียดนักก็พักกันเสียก่อน
มาหาอะไรกิน มาหาอะไรบำรุงร่างกาย บำรุงสมองกันดีกว่าเนอะครับ
อาหารบำรุงสมองนั้นมีมากมาย บางคนก็ชอบซุปไก่
รังนก หรือโสม สมุนไพรต่างๆ ก็ว่ากันไปครับ
อาหารแต่ละอย่างก็มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ
แตกต่างกันไป การกินอาหารที่หลากหลาย ย่อมได้ประโยชน์
เพียงแต่ต้องกินให้พอดี ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป
กินให้ถูกส่วน ก็เท่านั้นเองเนอะครับ….
.....
อาหารบำรุงสมอง
...
.....
ปลา เป็นอาหารบำรุงสมองยอดฮิต
ที่เรานึกถึงเป็นอันดับแรกๆเลยครับ
เพราะในปลาจะมีกรดไขมัน โอเมก้า 3
ช่วยสร้างและดูแลผนังเซลส์ประสาทในสมอง
ให้แข็งแรง ไม่เสื่อมตามวัยเร็วเกินไป นั่นเอง
(กรดไขมัน DHA ที่อยู่ในกรดไขมันโอเมก้า3
มีความสำคัญต่อการพัฒนาและบำรุงเซลส์สมองมาก
เพราะเป็นกรดไขมันโซ่ยาวแบบเดียวกัน
กับที่พบในเยื่อเซลส์สมองของเรา)
ปลากระพง ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และปลาทู
เป็นปลาที่มีโอเมก้า ในปริมาณสูงครับ
.....
.....
สาหร่ายทะเล มีโอเมก้า สูงเช่นกัน
จัดว่าเป็นอาหารบำรุงสมองอย่างหนึ่งที่สำคัญ
และยังช่วยให้เส้นผมดกดำได้อีกด้วยครับ
.....
.....
กระเทียม สุดยอดพืชมหัศจรรย์จริงๆครับ
กระเทียมจะช่วยกระตุ้นให้สมองสร้างเทโรนิน
มากขึ้น ช่วยทำให้เราอารมณ์ดี ลดความเครียด
ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลส์ประสาท ช่วยให้ความจำดี
.....
....
ถั่วเหลือง เป็นอาหารบำรุงร่างกายที่ยอดเยี่ยม
มีคุณประโยชน์หลากหลายจริงๆครับ
สำหรับสมองนั้น ถั่วเหลืองมีสารไฟโตเอสโตรเจน
ที่ช่วยให้เซลส์ประสาทของเราแข็งแรง ช่วยเรื่องความจำ
.....
...
กล้วยหอม ถือเป็นผลไม้คลายความเครียดชั้นดีครับ
กล้วยหอมช่วยกระตุ้นสารเซโรโทนินให้กับสมอง
และยังช่วยบำรุงร่างกายและเพิ่มพลังให้กับร่างกายเราด้วย
....
.....
สตรอเบอรี่สีแดง มีสารแอนโทไซอะนิน
จัดเป็นแอนติออกซิเดนท์ที่ทรงพลัง ช่วยดูแลเซลส์สมอง
....
....
ผักปวยเล้ง มีกรดโฟลิกสสูงมาก ช่วยให้อารมณ์ดี หลับง่าย
ป้องกันโรคซึมเศร้า ประสาทหลอนและความจำเสื่อม
.....
นี้แหละครับคืออาหารที่หาได้ง่ายๆตามบ้านเรา ซึ่งจะช่วยบำรุงสมองของคุณได้มากเลยทีเดียว เมื่อสมองดี ก็จะทำให้สุขภาพดี และอารมณ์ดีครับ ขอให้สนุกกับการบำรุงสมองนะครับ

ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
และข้อมูลส่วนหนึ่งจากหนังสือกินต้านโรค โดยทวีทอง หงษ์วิวัฒน์

READ MORE