เมื่อกล่าวถึงประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน ก็ต้องเอ่ยถึงชื่อของขงจื้อ เมื่อทศวรรษ1970 มีนักวิชาการชาวอเมริกันผู้หนึ่งได้จัดให้ขงจื้อเป็น อันดับที่5ใน100คนที่มีอิทธิพลสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แต่กล่าวสำหรับคนจีนแล้ว อิทธิพลของขงจื้อน่าจะอยู่อันดับแรกมาก กว่า กล่าวได้ว่าคนจีนทุกคนต่างได้รับอิทธิพลจากสำนักปรัชญาขงจื้อ ไม่มากก็น้อย
ขงจื้อ (ก่อนค.ศ. 551-479) มีชื่อตัวว่า ชิว เป็นคนรัฐหลู่ (คำว่า”จื้อ ” เป็นคำยกย่องผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็น“อาจารย์”) เป็นนักคิดและนักการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ในปลายสมัยชุนชิวและเป็นผู้ก่อตั้งสำนักปรัชญา“หยูเจีย”หรือสำนักปรัชญาขงจื้อนั่นเอง ได้รับการยกย่องว่า เป็นปรมาจารย์แห่งจริยธรรมผู้ยิ่งใหญ่
ขงจื้อเกิดที่รัฐหลู่ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่เก็บรักษาคัมภีร์โบราณสมัยราชวงศ์โจวได้สมบูรณ์ที่สุด ถึงกับได้ชื่อว่าเป็น“เมืองแห่งจารีตและ ดนตรี”มาแต่โบราณกาล การก่อรูปแนวคิดขงจื้อขึ้นอาจได้รับ อิทธิพลจากขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมและบรรยากาศทางการศึกษา ของรัฐหลู่
ขงจื่อสูญเสียบิดาตั้งแต่อายุ3ขวบ มารดาเป็นหญิงผู้ซื่อ สัตย์สุจริตเลี้ยงดูขงจื้อมาด้วยความเข้มงวดกวดขัน เพื่อให้ลูกได้เป็น ผู้มีความรู้และมีคุณธรรม
ขงจื้อมีความรักและสนใจในการศึกษาหาความรู้ตลอดจนศึกษาพิธีกรรม การเซ่นสรวงต่างๆที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล
ขงจื้อ“ตั้งตนเป็นอาจารย์เมื่ออายุ30”และเริ่มถ่ายทอดความรู้แก่ ลูกศิษย์อย่างไม่ท้อถอย การถ่ายทอดความรู้ของขงจื้อได้พลิกโฉม การศึกษาในสมัยนั้นโดยทำลายธรรมเนียมการเรียนการสอนที่จำกัดอยู่เฉพาะแต่ในราชสำนัก ทำให้ประชาชนทั่วไปตื่นตัวทางการศึกษา และวัฒนธรรมมากขึ้น ขงจื้อมีวิธีของตนในการรับศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นคนในชนชั้นใด แค่มอบสิ่งของเล็กน้อยเป็นค่าเล่าเรียนแม้“เนื้อตากแห้ง”เพียง ชิ้นเดียวก็รับไว้เป็นลูกศิษย์ เล่ากันว่า ท่านมีลูกศิษย์มากถึง 3,000 คน ที่ยกย่องกันว่า มีความรู้ปราดเปรื่องและมีคุณธรรมสูงส่งมี70คน จากสานุศิษย์70คนนี้ คนรุ่นหลังจึงได้ทราบถึงแนวคิดต่างๆของขงจื้อ เนื่องจากลูกศิษย์ขงจื้อ ได้บันทึกคำสอนของอาจารย์ตนไว้ในรูปของ คำสนทนาระหว่างอาจารย์กับศิษย์โดยขึ้นต้นว่า“อาจารย์กล่าวว่า...” ภายหลังลูกศิษย์ได้นำคำสอนของขงจื้อมาประมวลแล้วเรียบเรียงขี้น เป็นหนังสือชื่อว่า“หลุนอวี่” บั้นปลายชีวิต ขงจื้อก็ได้รวบรวม บันทึกพงศาวดารและปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆมีชื่อว่า“ชุนชิว”ขงจื้อยัง เป็นบรรณาธิการหนังสือสำคัญๆทางวรรณคดีจีนซึ่งเป็นที่ยกย่องกันภาย หลัง ได้แก่“ซูจิง”(ตำราประวัติศาสตร์)“ซือจิง”(ตำราว่าด้วยลำนำกวี) เป็นผู้ตรวจแก้”อี้ว์จิง”(ตำราว่าด้วยการดนตรี-แต่สาบสูญไปในภาย หลัง)และ”หลี่จี้”(ตำราว่าด้วยจารีตประเพณี) หนังสือทั้ง5เล่มนี้เรียก รวมกันใน ภาษาจีนว่า”อู่จิง”(คัมภีร์ทั้งห้า)
ขงจื้อเน้นหนักในการบ่มเพาะเรื่องเมตตาธรรม ความชอบธรรม และจารีตประเพณี คำสอนของท่านเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและงดงามอย่าง ยิ่ง ความคิดของขงจื้อได้กลายเป็นแกนหลักสำคัญในวัฒนธรรมจีน และมีอิทธิพลสำคัญต่อความคิดของชนชาติจีน คุณธรรมอันดับแรก ที่ขงจื้อสอนสั่งคือ”เหริน”หรือเมตตาธรรม เมื่อลูกศิษย์แต่ละคนของ ท่านขงจื่อเรียนถามท่านอาจารย์ว่า "อะไรเรียกว่า
เหริน ?" ท่านก็จะตอบโดยพิจารณาตามบุคลิกอุปนิสัยใจคอของลูกศิษย์คนนั้น ๆ ดังนั้นเมื่อเห็นคำอธิบายกับลูกศิษย์แต่ละคนแล้วก็ไม่เหมือนกันเลย แต่ต้องเอาคำอธิบายทั้งหลายมารวมความกันจึงเป็นความหมายอัน สมบูรณ์แบบของ "เหริน"
พอถึงวัยชรา ขงจื้อใช้เวลาทุ่มเทอยู่กับการจัดการประวัติศาสตร์ และดำเนินการด้านการศึกษาต่อไป ขงจื้อก็ถึงแก่กรรมปี479ก่อนคริสต์ศักราช ร่างถูกฝังไว้ที่ซื่อสุ่ยทางเหนือของรัฐหลู่(ปัจจุบันอยู่ในมณฑลซานตง) เป็นการสิ้นสุดชีวิตขงจื่อ แต่ปรัชญา แม้จะผ่านไปหลายพันปีขงจื่อยังคงอยู่ตราบถึงปัจจุบัน
เอ็ดเวิร์ด ทีช หรือ แบล็กเบียร์ด (1680-1718) ไอ้เคราดำ
โจรสลัดสัญชาติอังกฤษ เป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสีย(ง)และโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ในช่วงปี 1702-1713 (สมัยศตวรรษที่ 18) ในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปน เขามีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือน
โจรสลัดสัญชาติอังกฤษ เป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสีย(ง)และโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ในช่วงปี 1702-1713 (สมัยศตวรรษที่ 18) ในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปน เขามีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือน
ใครเพราะเขาทักหนวดจนเหมือนงูเลื้อยอยู่บนหน้า, สับคนขาด 2 ท่อนด้วยดาบเดียว, พกปืน 6 กระบอกข้างลำตัวแต่ละข้างตลอดเวลา,
มีภรรยา 14 คน เขามีประวัติการปล้นสะดมและฆาตกรรมหลายคดีจนเป็นที่หมายหัวจากสามประเทศโจรสลัดตัวแสบที่ชื่อดังกระฉ่อนโลกที่สุด อาณาจักรของเขาคือแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกของ อเมริกา เอ็ดเวิร์ด ทีชบ้าบิ่นขนาดกล้าประกาศเป็นศัตรูกับฝ่ายรัฐและไม่เกรงกลัวการทำสงคราม เขาคือจอม วายร้าย เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและไม่เคยยอมแพ้ใคร เขาคือ ตำนานโจรสลัดแห่งแคริบเบี้ยน
เอ็ดเวิร์ด ทีช โจรสลัดเคราดำคนนี้ เชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของตัวละครอย่างกัปตันฮุกในเรื่องปีเตอร์แพน เป็นเจ้าของภาพลักษณ์ที่ได้รับความนิยมไม่ต่างจากอดีต ภาพลักษณ์ของเขาถูกเอามาใช้ในภาพยนตร์เรื่อง ไพเรตส์ออฟเดอะแคริบเบี้ยน ที่นำแสดงโดย จอห์นนี เด็ปป
ไม่มีใครทราบความเป็นมาของเอ็ดเวิร์ด ทีช หรือทาช หรือแทตช์ ในหนังสือ ประวัติการปล้นสะดมและฆาตกรรมของโจรสลัดชื่อดังแห่งยุคอันเป็นที่มาของตำนานเคราดำซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1724 บอกว่าเขามาจากบริสทอล เชื่อกันว่าทีชหันมาเป็น
โจรสลัดหลังจากเดินทางไปกับเรือเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ปล้นเรือต่างชาติในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปนในช่วงปี 1702-1713 เพราะการปล้นเรือลำหนึ่งอาจได้เงินถึง 20,000 ปอนด์ และส่วนแบ่งของสมุนโจรคนหนึ่งอาจมากกว่าเงินที่กะลาสีผู้ซื่อสัตย์หาได้ตลอดชีวิตเลยทีเดียว
ไอ้เคราดำพบจุดจบของเขาที่ทิศเหนือ ชายฝั่งรัฐนอร์ทแคโรไลน (Carolina) โดยลูกน้องคนสนิท ชื่ออิสราเอล แฮนส์ หักหลังไอ้เคราดำ โดยไปบอกข้าหลวงอังกฤษที่ Virginia รู้ จากนั้นเรือนาวิกโยธินอังกฤษที่นำโดย Robert Maynard ก็ต้อนเรือของไอ้เคราดำจนมุม และเปิดศึกทั้งสองฝ่ายลูกเรือทั้งเจ้าเคราดำยังยืนยัดสู้ท่ามกลางทหารฝ่ายศัตรูที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาไว้
ครั้งแรกเขาถูกยิงลูกระเบิดยิงบนดาดฟ้าเรือ จนบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังดวลดาบกับทหารและ Maynard จนโดนดาบศัตรูฟันทั้งด้านหน้าและหลัง
เมื่อการต่อสู้จบลง ไอ้เคราดำตาย จากการตรวจสอบพบว่าเขาโดนยิงกว่า 25 นัด และมีบาดแผลที่ถูกดาบฟันกว่า 20 บาดแผล เขาถูกตัดหัวและตรึงไว้หน้าเรือด้วยตะปู ร่างถูกโยนทะเล มีเรื่องเล่ากันว่าร่างไร้หัวของเขายังว่ายวนรอบ ๆ เรือหลายรอบก่อนที่จะจมทะเลในที่สุด
ที่มา http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=433943
มีภรรยา 14 คน เขามีประวัติการปล้นสะดมและฆาตกรรมหลายคดีจนเป็นที่หมายหัวจากสามประเทศโจรสลัดตัวแสบที่ชื่อดังกระฉ่อนโลกที่สุด อาณาจักรของเขาคือแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกของ อเมริกา เอ็ดเวิร์ด ทีชบ้าบิ่นขนาดกล้าประกาศเป็นศัตรูกับฝ่ายรัฐและไม่เกรงกลัวการทำสงคราม เขาคือจอม วายร้าย เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและไม่เคยยอมแพ้ใคร เขาคือ ตำนานโจรสลัดแห่งแคริบเบี้ยน
เอ็ดเวิร์ด ทีช โจรสลัดเคราดำคนนี้ เชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของตัวละครอย่างกัปตันฮุกในเรื่องปีเตอร์แพน เป็นเจ้าของภาพลักษณ์ที่ได้รับความนิยมไม่ต่างจากอดีต ภาพลักษณ์ของเขาถูกเอามาใช้ในภาพยนตร์เรื่อง ไพเรตส์ออฟเดอะแคริบเบี้ยน ที่นำแสดงโดย จอห์นนี เด็ปป
ไม่มีใครทราบความเป็นมาของเอ็ดเวิร์ด ทีช หรือทาช หรือแทตช์ ในหนังสือ ประวัติการปล้นสะดมและฆาตกรรมของโจรสลัดชื่อดังแห่งยุคอันเป็นที่มาของตำนานเคราดำซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1724 บอกว่าเขามาจากบริสทอล เชื่อกันว่าทีชหันมาเป็น
โจรสลัดหลังจากเดินทางไปกับเรือเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ปล้นเรือต่างชาติในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปนในช่วงปี 1702-1713 เพราะการปล้นเรือลำหนึ่งอาจได้เงินถึง 20,000 ปอนด์ และส่วนแบ่งของสมุนโจรคนหนึ่งอาจมากกว่าเงินที่กะลาสีผู้ซื่อสัตย์หาได้ตลอดชีวิตเลยทีเดียว
ไอ้เคราดำพบจุดจบของเขาที่ทิศเหนือ ชายฝั่งรัฐนอร์ทแคโรไลน (Carolina) โดยลูกน้องคนสนิท ชื่ออิสราเอล แฮนส์ หักหลังไอ้เคราดำ โดยไปบอกข้าหลวงอังกฤษที่ Virginia รู้ จากนั้นเรือนาวิกโยธินอังกฤษที่นำโดย Robert Maynard ก็ต้อนเรือของไอ้เคราดำจนมุม และเปิดศึกทั้งสองฝ่ายลูกเรือทั้งเจ้าเคราดำยังยืนยัดสู้ท่ามกลางทหารฝ่ายศัตรูที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาไว้
ครั้งแรกเขาถูกยิงลูกระเบิดยิงบนดาดฟ้าเรือ จนบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังดวลดาบกับทหารและ Maynard จนโดนดาบศัตรูฟันทั้งด้านหน้าและหลัง
เมื่อการต่อสู้จบลง ไอ้เคราดำตาย จากการตรวจสอบพบว่าเขาโดนยิงกว่า 25 นัด และมีบาดแผลที่ถูกดาบฟันกว่า 20 บาดแผล เขาถูกตัดหัวและตรึงไว้หน้าเรือด้วยตะปู ร่างถูกโยนทะเล มีเรื่องเล่ากันว่าร่างไร้หัวของเขายังว่ายวนรอบ ๆ เรือหลายรอบก่อนที่จะจมทะเลในที่สุด
ที่มา http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=433943
......
หลายครั้งในชีวิตของเรา การงาน การเงิน สังคม
และชีวิตครอบครัว ทำให้เราต้องคิดหนัก
ใช้สมองและความคิดในเรื่องต่างๆมากมายหลายเรื่อง
บางครั้งก็ทำให้คนเราเครียดหรือเหนื่อยล้าไปได้เหมือนกัน
.....
ไม่เป็นไรครับ เหนื่อยนัก เครียดนักก็พักกันเสียก่อน
มาหาอะไรกิน มาหาอะไรบำรุงร่างกาย บำรุงสมองกันดีกว่าเนอะครับ
อาหารบำรุงสมองนั้นมีมากมาย บางคนก็ชอบซุปไก่
รังนก หรือโสม สมุนไพรต่างๆ ก็ว่ากันไปครับ
อาหารแต่ละอย่างก็มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ
แตกต่างกันไป การกินอาหารที่หลากหลาย ย่อมได้ประโยชน์
เพียงแต่ต้องกินให้พอดี ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป
กินให้ถูกส่วน ก็เท่านั้นเองเนอะครับ….
.....
7 อาหารบำรุงสมอง
...
.....
ปลา เป็นอาหารบำรุงสมองยอดฮิต
ที่เรานึกถึงเป็นอันดับแรกๆเลยครับ
เพราะในปลาจะมีกรดไขมัน โอเมก้า 3
ช่วยสร้างและดูแลผนังเซลส์ประสาทในสมอง
ให้แข็งแรง ไม่เสื่อมตามวัยเร็วเกินไป นั่นเอง
(กรดไขมัน DHA ที่อยู่ในกรดไขมันโอเมก้า3
มีความสำคัญต่อการพัฒนาและบำรุงเซลส์สมองมาก
เพราะเป็นกรดไขมันโซ่ยาวแบบเดียวกัน
กับที่พบในเยื่อเซลส์สมองของเรา)
ปลากระพง ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และปลาทู
เป็นปลาที่มีโอเมก้า 3 ในปริมาณสูงครับ
.....
.....
สาหร่ายทะเล มีโอเมก้า 3 สูงเช่นกัน
จัดว่าเป็นอาหารบำรุงสมองอย่างหนึ่งที่สำคัญ
และยังช่วยให้เส้นผมดกดำได้อีกด้วยครับ
.....
.....
กระเทียม สุดยอดพืชมหัศจรรย์จริงๆครับ
กระเทียมจะช่วยกระตุ้นให้สมองสร้างเทโรนิน
มากขึ้น ช่วยทำให้เราอารมณ์ดี ลดความเครียด
ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลส์ประสาท ช่วยให้ความจำดี
.....
....
ถั่วเหลือง เป็นอาหารบำรุงร่างกายที่ยอดเยี่ยม
มีคุณประโยชน์หลากหลายจริงๆครับ
สำหรับสมองนั้น ถั่วเหลืองมีสารไฟโตเอสโตรเจน
ที่ช่วยให้เซลส์ประสาทของเราแข็งแรง ช่วยเรื่องความจำ
.....
...
กล้วยหอม ถือเป็นผลไม้คลายความเครียดชั้นดีครับ
กล้วยหอมช่วยกระตุ้นสารเซโรโทนินให้กับสมอง
และยังช่วยบำรุงร่างกายและเพิ่มพลังให้กับร่างกายเราด้วย
....
.....
สตรอเบอรี่สีแดง มีสารแอนโทไซอะนิน
จัดเป็นแอนติออกซิเดนท์ที่ทรงพลัง ช่วยดูแลเซลส์สมอง
....
....
ผักปวยเล้ง มีกรดโฟลิกสสูงมาก ช่วยให้อารมณ์ดี หลับง่าย
ป้องกันโรคซึมเศร้า ประสาทหลอนและความจำเสื่อม
.....
นี้แหละครับคืออาหารที่หาได้ง่ายๆตามบ้านเรา ซึ่งจะช่วยบำรุงสมองของคุณได้มากเลยทีเดียว เมื่อสมองดี ก็จะทำให้สุขภาพดี และอารมณ์ดีครับ ขอให้สนุกกับการบำรุงสมองนะครับ
ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
และข้อมูลส่วนหนึ่งจากหนังสือกินต้านโรค โดยทวีทอง หงษ์วิวัฒน์