ทำไมถึงเรียกว่า "Google"

Posted by dddasd On วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น
ทำไมถึงเรียกว่า "Google" เจ้าของเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลที่มีค่าต่อการทำรายงานของเด็กๆทั่วโลก ทำไมต้องเรียกว่าgoogle 
ชื่อ "Google" มาจากคำว่า "googol" ซึ่งหมายถึงจำนวนทางคณิตศาสตร์ที่หมายถึงเลข 1 แล้วตามด้วยเลข 0 อีกหนึ่งร้อยตัว หรือ 10100 เพื่อเป็นการแสดงถึงเป้าหมายของบริษัทที่จะจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล อีกกระแสหนึ่งบอกว่าชื่อ Google มาจากความผิดพลาดในการจดโดเมนเนมในช่วงก่อตั้ง
ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 กูเกิลชนะความในศาล ในคดีที่มีบริษัทอื่นตั้งชื่อใกล้เคียง ได้แก่ googkle.com ghoogle.com และ gooigle.com เพื่อเรียกให้คนอื่นเข้าเว็บไซต์ของตน ทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของกูเกิล

READ MORE

รายการ The voice thailand เดอะวอยซ์ 14 ตุลาคม 2555 ย้อนหลัง

Posted by dddasd On วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

The voice thailand ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ทางช่อง 3 เวลา 17.45 น. 
ซึ่งเป็นรายการแข่งขันร้องเพลง โดย เสียงสำคัญที่สุดโดยมีโค้ด 4 ท่าน เจนนิเฟอร์ คิ้ม, ก้อง สหรัฐ สังคปรีชา, โจอี้ บอย และ แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข รายการนี้จะทำให้คุณเห็นว่า คนร้องเพลงเก่งๆมีมากเหลือเกิน โปรดติดตามได้ครับ

กรุณารอสักแปป

READ MORE

ดอกไม้ที่มีพิษแรงที่สุดในโลก

Posted by dddasd On วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น


เจ้าดอกไม้อันตรายนี้ มีชื่อว่า Wisteria จัดเป็นพืชตระกูลถั่ว พวกมันพบได้ในหลายพื้นที่ของโลก เช่น จีน ญี่ปุ่น อเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้น wisteria แข็งแรงมากและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มันเป็นสายพันธุ์ที่รุกรานป่าอื่นในหลายพื้นที่ โดยเฉเพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันสามารถเจริญเติบโตได้ในดินคุณภาพต่ำ แต่มันชอบดินอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื่น เหมือนพืชอื่นๆมากกว่า
 มันเป็นพืชที่อาศัยการยึดเกาะติดกับที่ต่างๆเช่น กำแพง หรือต้นไม้อื่น wisteria ที่ใหญ่ที่สุดมีความสูง 20 เมตร หนัก 250 ตัน อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

ต้น wisteria เป็นต้นไม้ที่มีดอกที่สวยงาม และมีกลิ่นหอม แต่อย่าหลงความสวยของมันล่ะ เพราะหากกินดอกของมันเข้าไปอาจอาเจียน วิงเวียน ปวดหัว จนถึงขั้นช็อกได้

ที่มาhttp://wowboom.blogspot.com/
READ MORE

5 วิธีเล่นหุ้น ฉบับ มนุษย์เงินเดือน

Posted by dddasd On วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

5 วิธีเล่นหุ้น ฉบับ มนุษย์เงินเดือน

วันนี้เจอบทความดีๆเลยเอามาฝากสำหรับการเล่นหุ้น ฉบับ มนุษย์เงินเดือน


ยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ มนุษย์เงินเดือนที่พอจะมีเงินเหลือจากรายจ่ายประจำเดือนอยู่บ้าง (บางคนบอกว่าไม่เหลือ แถมไม่พอใช้ด้วย) ก็ต้องหาทางบริหารเงินให้งอกเงย ทางหนึ่งที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมพอสมควรคือการเล่นหุ้น ผมลองรวบรวมวิธีการเล่นหุ้นที่ผมใช้อย
ู่ทุกวันนี้มาแบ่งปันกันในฐานะของมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งครับ

1. ไม่นั่งเฝ้าราคาทั้งวัน การเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นบริษัทจ้างเรามาเพื่อทำงานครับ ถ้าคุณไม่ได้ทำงานเป็นมาร์ของโบรกที่ต้องคอยดูราคาขึ้นๆ ลงๆ คุณก็ไม่ควรนั่งจ้องหน้าจอหุ้นตลอดเวลา มีช่วงหนึ่งของชีวิตที่ผมเคยเล่นหุ้นโดยมีระบบการซื้อขายที่ตัดสินใจจากราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไป ช่วงนั้นผมต้องนั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวันเลย ดีที่ตอนนั้นทำงานเป็นฟรีแลนซ์เลยปรับเวลาทำงานตัวเองเป็นหลังตลาดปิด แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองเสีย Productivity มาก เมื่อเทียบกับเงินเพียงเล็กน้อยที่ได้มาจากการเฝ้าหน้าจอ

2. ไม่เล่นรอบเพื่อหวังรวยเร็ว เชื่อว่า 99% ของคนที่ไม่เคยเล่นหุ้นมาก่อนและกำลังตัดสินใจจะเล่นโดยที่ยังไม่มีความรู้อะไรมากนัก ย่อมคิดว่าการเล่นหุ้นทำให้รวยเร็ว เริ่มจากเงินลงทุนจำนวนไม่มากของตัวเอง ซื้อหุ้นตอนราคาต่ำๆ ถือไว้สักพักราคาจะวิ่งขึ้น จากนั้นก็ขายเพื่อเอาทุนคืน เอากำไรที่ได้ไปซื้อหุ้นตัวใหม่ ทำแบบนี้ไม่กี่รอบ จากเงินลงทุนหลักหมื่นจะกลายเป็นหลักแสน หลักแสนจะกลายเป็นหลักล้าน ผมไม่ปฏิเสธว่ามีคนที่ทำแบบนี้แล้วพอร์ตโตขึ้นจริง แต่คำถามคือมีคนกี่เปอร์เซ็นต์ที่ทำได้แบบนี้? และเขาจะได้กำไรไปเรื่อยๆ หรือเปล่า? มันทำให้ผมคิดถึงคนที่เล่นหวย บางคนดวงดีทำบุญมาเยอะ ซื้อหวยแล้วถูกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะถูกหวยบ่อยๆ เหมือนเขานะ

3. เล่นหุ้นให้เหมือนฝากประจำ สมัยที่ผมทำงานใหม่ๆ ได้เงินเดือน 20,000 บาท ผมจะแบ่งเงินครึ่งหนึ่งสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อีกครึ่งเอาเข้าบัญชีเงินฝากประจำทุกเดือนเป็นเวลา 24 เดือน มันน่าอึดอัดเหมือนกันเวลาที่ผมอยากซื้อของราคาสูงๆ อย่างโน้ตบุ๊ก แต่มันก็ช่วยให้มีวินัยทางการเงิน และส่งผลให้สองปีต่อมา ผมมีเงินก้อน 240,000 บาท บวกดอกเบี้ยอีกก้อนเล็กๆ ตอนนี้ผมประยุกต์ใช้วิธีนี้กับการเล่นหุ้น คือแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้ทุกเดือนเพื่อโอนเข้าบัญชีหุ้น (ผมใช้บัญชีเงินสด) บางคนอาจใช้เงินก้อนนี้ซื้อหุ้นทุกเดือนเลยโดยไม่สนราคา แต่ผมใช้วิธีถือเงินสดไว้และรอเข้าซื้อในจังหวะที่หุ้นตกแรงๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ละปีจะมีช่วงเวลาที่หุ้นตกหนักประมาณ 2-3 ครั้ง

4. ซื้อหุ้นเหมือนซื้อกิจการ เป็นกฎของนักลงทุนแนวพื้นฐาน (Fundamental) และนักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor) เนื่องจากมนุษย์เงินเดือนไม่มีเวลานั่งเฝ้าราคา และไม่หวังรวยเร็วจากการเล่นรอบ เลยต้องซื้อหุ้นโดยวิเคราะห์พื้นฐานของธุรกิจนั้นๆ เสมือนว่าเราจะซื้อกิจการ ต้องเข้าใจว่ารายรับของบริษัทมาจากไหน มีรายจ่ายอะไรบ้าง ลูกค้าคือใคร สภาพตลาดเป็นยังไง อีก 5 ปี ตลาดจะใหญ่ขึ้นมั้ย คู่แข่งแข็งแกร่งแค่ไหน ผู้บริหารเป็นยังไง ฯลฯ ถ้าเข้าใจสิ่งเหล่านี้ เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างเข้ามาทำให้ราคาหุ้นตกหนัก ผมก็จะเข้าใจว่าเหตุการณ์นั้นส่งผลกระทบต่อพื้นฐานของธุรกิจในระยะยาวจริงหรือเปล่า ถ้ามีผลแค่ระยะสั้น ผมก็จะใช้เงินสดในข้อ 3 เพื่อซื้อหุ้นเพิ่ม แต่ถ้าดูแล้วน่าจะส่งผลกระทบในระยะยาว แบบนี้ก็ค่อยพิจารณาขายทิ้ง

5. ตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้จากเงินปันผลไว้ใช้ตอนเกษียณ ลองประเมินดูว่าทุกวันนี้ถ้าเรากินอยู่อย่างประหยัด ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ลองคูณเงินเฟ้อเพื่อดูว่าอีก 20-30 ปีที่เราเกษียณแล้ว เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ ถ้าค่าใช้จ่ายของเราในอนาคตมาจากเงินปันผล แปลว่าตอนนั้นเราควรมีพอร์ตขนาดไหน พอร์ตของเราในปัจจุบันยังห่างจากเป้าหมายเท่าไหร่ ในแต่ละปีเราควรจะมีเป้าหมายในการเพิ่มขนาดพอร์ตปีละเท่าไหร่ ถ้าวางแผนให้ดีตั้งแต่ตอนที่ยังมีแรงทำงาน พอถึงตอนที่ทำงานไม่ไหวแล้ว เราจะได้ไม่ต้องลำบากลูกหลานครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก "คุณ ทองเนื้อเก้า" pantip.com ห้อง สินธร www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12761206/I12761206.html
READ MORE

10 อันดับผีไทย ที่เห็นมากที่สุด

10 ผีห้องน้ำ

ใครบ้านไหนบ้างหนอ ที่อาบน้ำในโอ่งอยู่ดีๆ แล้วผีดัน มาหลอกไม่ก็ขอกุศลตอนนั้นแล้วไม่กลัวอะและอับดับที่เกิดนั้นมักอยู่ในโรงแรม ไม่ก็หอเสมอ โดยทั่วไปผีตนนี้มักโผล่ผลุบๆ โผล่ๆ จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ปิดโดยไม่มีลม ได้ยินเสียงน้ำไหลเอย เสียงชักโครกเอย เอาเป็นว่าเราก็กลัวเหมือนกัน

9 ผีบ้านร้าง

แถวบ้านพวกคุณ(บางคนนะคะ)มักจะมีบ้านๆหลังหนึ่งมีต้นไม้คลุมมีซากไม้เก่าๆอยู่หากแถวบ้านคุณมีลักษณะอย่างนั้นขอบอกว่าใช่เลย โดยปกติผีตนนี้มักจะโผล่แบบไม่ค่อยซ้ำแบบใครเท่าไร นั่นคือจะเห็นมีคนเดินไปเดินมาแถวบ้านนั้นเสมอ จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้อง เสียงเด็กร้องไห้หากคุณเจออย่างงั้นจะย้ายหนีหรืออยู่ต่อก็เชิญ

8 ผีข้างทาง

ยามคุณกลับบ้านคนเดียวมันจะตามคุณมาเรื่อยๆยิ่งดึกยิ่งน่ากลัว 99% ของผีตนนี้มักจะถูกฆ่าเสมอ ผีตนนี้มักจะโผล่แบบสยองเอาเรื่องเหมือนกัน แบบว่าผีตนนี้จะบอกให้ไปส่งที่บ้านแล้วก็.......

7 ผีญาติๆของคุณ

หลังจากเผาเสร็จ 1-2 วัน นั่นแหละคือวันที่แผลงฤทธิ์แต่คุณอย่าคิดมาก ผีตนนี้มักปรากฎขึ้นมาเพื่อให้คุณรู้ว่า เขาต้องการให้คุณทำบุญไปให้

6 ผีเทพอารักขา(เทวดาที่หลายๆคนเชื่อว่าสิงสถิตตามต้นไม้)

ผีแบบนี้ใครๆก็ชอบยิ่งออกรูปลักษณะแปลกๆ ยิ่งดี นั่นแหละชาวบ้านยิ่งขัดถูกันมัน


5 ผีจองเวรทั้งหลาย

วิธีการหลอกของผีตนนี้สยองสุด ๆ มันจะทำให้คุณขนลุกพอ ๆ กัน แต่มันสยองสำหรับคนที่ดันไปจองเวรก่อนเค้าตาย แต่คนที่ไม่ได้ไปทำอะไรให้มันคับแค้นใจก็รอดไป การหลอกของผีตนนี้มักมีเป้าหมายคือ ฆ่าพวกที่ทำให้พวกเค้าเสียใจเท่านั้น

4 ผีของเก่า ๆ ที่คุณซื้อมา

และที่สำคัญที่ทอปฮิตติดชาร์ตมากที่สุดคือ เตียงนอนและตู้ 1. เตียงนอนมันมักจะเริ่มจากที่คุณนอนไป 2-3 ชั่วโมงแล้วมันจะมานอนข้าง ๆ คุณ หรือไม่ก็ฉุดขาคุณ 2. ตู้ คุณลองเปิดตอนมืด ๆ ค่ำ ๆ สิ

3 ผีเด็กๆ

คุณอย่าคิดนาๆว่าถึงเป็นผีเด็กนะแต่ทอปมาอยู่ที่3ได้นะความเฮี้ยนของเด็กมักเริ่มจากความกุ๊กกิ๊กน่ารักเสมอ แล้วลิ้นก้อค่อยๆยาวขึ้นหรืออาจมีเลือดเต็มหน้า แล้วคุณก็เป็นลม

2 ผีที่วัด

แน่นอนวัดคือท็อป 2 ที่คุณจะเจอผีลองดูสิหันหน้าไปทางทิศตะวันตกหลังเมรุ แล้วก้มลอดระหว่างขาสิ

1 ผีโรงแรมนั่นเอง

ดารา หรือแม้กระทั่งคุณเองก้อเจอเช่นกัน โดยเริ่มจากคุณได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อคุณเปิดไปกลับไม่มีใครอยู่ หรือไม่ก็ผีผ่านหน้าต่างไปช้า ๆ ในห้องส่งกลิ่นเหม็น แน่นอนคุณต้องของเช็กเอาท์ทันที่หลังจากเกิดคืนแรก





ขอบคุณข้อมูลหลอนๆ จาก www.toptenthailand.com
READ MORE

จริง ? ชายศีรษะล้านมีโอกาสก้าวหน้าในการงานและธุรกิจมากกว่า..

Posted by dddasd On วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

จริง ? ชายศีรษะล้านมีโอกาสก้าวหน้าในการงานและธุรกิจมากกว่า..

Wall Street Journal เปิดเผยรายงานของนักวิจัยที่ U. of Penn Wharton School ที่พบว่าชายศีรษะล้านมีโอกาสก้าวหน้าในการงานและธุรกิจมากกว่าเพราะดูแล้วเข้มแข็ง โดดเด่น มีมาดผู้นำ ในข
ณะที่ผู้ชายซึ่งมีผมเส้นเล็กดูจะมีเสน่ห์ดึงดูดหรือมีพลังน้อยที่สุด

แต่งานวิจัยชี้ด้วยว่าไม่ใช่ว่าชายทุกคนที่ศีรษะล้านจะดูเป็นผู้นำทั้งหมด เพราะบางคนที่ลองโกนผมจนหมดหัวแต่กลับดูแก่ลงหรือมีเสน่ห์ลดลงไปถนัดใจ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก มติชนออนไลน์ วีโอเอไทย
READ MORE

สุดยอด 10 อันดับ เมืองในฝันของชายโสด

Posted by dddasd On วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

สุดยอด 10 อันดับ เมืองในฝันของชายโสด
วันนี้จะมาแนะนำเมืองในฝันของท่านชายโสดทั้งหลาย จะมีเมืองไหนต้องไปดู
อันดับ 10 Helsinki -- เมืองหลวงของฟินแลนด์แห่งนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรม มีชีวิตชีวา มีแต่คนวัยหนุ่มสาวที่แสวงหาการศึกษา การจ้างงาน และการผจญภัย แถมยังมีสถาปัตยกรรมทันสมัยที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น the World Design Capital สำหรับปี 2012 อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงที่ผสมผสานทั้งความใหม่และเก่าของเมือง และที่สำคัญมีผู้หญิงเยอะที่สุดในประเทศ
อันดับ 9 New York City -- เมืองที่ไม่หลับใหลและผสมผสานคนจากทุกๆ เผ่าพันธุ์และเชื้อชาติ มีทั้งสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์และอาร์ต แกลอรี่ให้เลือกชม แถมยังมีวัฒนธรรมผสมในแบบฉบับของตัวเอง เมืองนี้ยังมีคนอาศัยอยู่เยอะ ที่สำคัญผู้หญิงที่นี่เป็นลักษณะประเภทคบใครแบบไม่ผูกมัด
อันดับ 8 Rome -- เมืองอมตะแห่งนี้ ผสมผสานระหว่างเมืองแห่งศาสนากับเมืองแห่งความทันสมัย โรมเป็นสัญลักษณ์ของทั้งความวุ่นวาย ความโหดร้าย ความยิ่งใหญ่ มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมากมายที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความอลังการงาน สร้าง แน่นอนว่าที่นี่มีผู้หญิงมาเที่ยวเยอะมาก
อันดับ 7 Montreal -- ที่นี่คือดินแดนใหม่ หรือโลกใหม่ในสมัยยุคล่าอาณานิคม ผู้คนพูดภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเป็นภาษาที่ฟังดูงดงาม นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องจากยูเนสโกว่าเป็นเมืองที่มีการวางผังเมืองและ ออกแบบมาดีที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง ผู้คนที่นั่นมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีผู้หญิงอาศัยอยู่เยอะ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่น่าทึ่งที่มีทั้งท่าเรือเก่า ดาวน์ทาวน์ที่ทันสมัย ตึกสูงเสียดฟ้าที่มองลงมาก็จะเห็น Mount Royal Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ออกแบบโดยบุคคลคนเดียวกับที่ออกแบบ Central Park ในมหานครนิวยอร์ค
อันดับ 6 Tallinn -- เมืองหลวงของ Estonia ชาติเล็กๆ แต่มีอะไรให้ชาวพื้นเมืองน่าภาคภูมิใจมากมาย ที่สำคัญเมืองนี้เพิ่งได้รับขนานนามว่าเป็น Europe's 2011 Capital of Culture และแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กที่มีประชากรไม่ถึงห้าแสนคน แต่ที่นี่ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกหลายแห่ง แถมยังเป็นเมืองดิจิตอลแห่งหนึ่งของโลกด้วย สาวๆ วัยรุ่นจึงชอบมาอาศัยอยู่ที่นี่
อันดับ 5 Miami -- การจัดอันดับนี้จะไม่ครอบคลุมเลยหากตกหล่นไมอามี่ไป ที่นี่อากาศดีและผู้คนจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ตลอดเวลา สาวสวยก็เต็มชายหาด แม้ว่าจะเป็นเมืองที่ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรม แต่สถานที่แห่งนี้ก็มีเสน่ห์ในตัวเอง ถ้าเปรียบว่าไมอามี่คือผู้หญิง ก็คงเป็นผู้หญิงที่เผ็ดร้อนพร้อมกระโดดงับคุณได้ทุกเมื่อ
อันดับ 4 Stockholm -- เมืองนี้เป็นเมืองที่นิยมที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย เป็นศูนย์กลางของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศสวีเดน เป็นเมืองสีเขียวประหยัดพลังงาน และยังมีระบบการศึกษาที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญสาวสวีเดนที่โดยมากรูปร่างดีมักชอบย้ายมาอยู่ที่นี่กันทั้งนั้น
อันดับ 3 Moscow -- เมืองใหญ่ที่สุดของรัสเซียและมีมหาเศรษฐีอยู่มากที่สุดในโลกตามรายงานของ นิตยสารฟอร์บส์ อีกทั้งยังมีมรดกทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก การผสมผสานระหว่างความมั่งคั่งและสังคมที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมจึงดึงดูดคนที่ แสวงหาโชคทั้งหลายให้ย้ายเข้าไปอยู่ที่มอสโคว
อันดับ 2 Hong Kong -- แม้ว่าอังกฤษจะคืนฮ่องกงให้กับจีนไปแล้วหลายปี แต่ที่นียังคงเป็นเหมือนทางผ่านไปสู่อังกฤษ เกาะเล็กๆ แห่งนี้มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมาก มีตึกระฟ้ามากมาย แสงไฟระยิบระยับเต็มไปหมดในเวลากลางคืน เป็นเมืองที่ผสมผสานกลมกลืนระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก ผู้คนทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ก็นิยมสังสรรค์เยอะแบบไม่แพ้กัน
อันดับ 1 Bangkok -- เมืองแห่งโลกตะวันออกที่เปิดรับโลกตะวันตกได้มากเมืองนี้เป็นเมืองที่คนไทย รู้จักกันดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าการจราจรติดขัดของกรุงเทพมหานครจะเป็นที่โจษจันจนทำให้การจราจรใน นิวยอร์คดูดีขึ้นมา เมืองหลวงของบ้านเราถือว่าดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากมายจากทุกสารทิศทั่วโลก อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการศึกษาของประเทศ มีผู้คนหลายประเภทอาศัยอยู่ ความมีชีวิตชีวาของเมืองก็ไม่แพ้ใคร เรียกได้ว่าเที่ยวกรุงเทพฯ ไม่ผิดหวังแน่นอน...ใกล้ตัวขนาดนี้ หนุ่มไทยไม่ควรมองข้ามสาวไทยเป็นอันขาด
ขอบคุณเนื้อหาและรูปภาพจาก  Askmen,Sanook,kamoblog



READ MORE

เผย! สถานที่ร้อนที่สุดในโลก แต่มีมนุษย์อาศัย

Posted by dddasd On วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

สถานที่แห่งนี้ได้รับการเรียกขานว่า เมืองผี ไม่มีรายงานถึงจำนวนผู้พักอาศัยในสถานที่แห่งนี้ที่แน่นอน ไม่มีถนน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา สิ่งเดียวที่เชื่อมต่อระหว่างคนของเมืองนีือกับโลกภายนอกคือ กองคาราวานอูฐที่เข้าไปทำเหมืองเกลือ

รายละเอียด สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า Dallol เป็นเมืองทางตอนเหนือของประเทศเอธิโอเปีย  ระดับพื้นดินในบริเวณนี้อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 130 เมตร   ปัจจุบัน Dallol ได้รับการบันทึกว่าเป็นสถานที่ร้อนที่สุดในโลก(ที่มีมนุษย์ตั้งรกรากอยู่อาศัย) ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี 34 องศาเซลเซียส(ประเทศไทยมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียสข้อมูลจากเว็บกรมอุตุนิยมวิทยาhttp://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=22)ในอดีตเคยมีการสร้างทางรถไฟเข้าไปเพื่อทำเหมืองเกลือ คาดว่ามีเกลือกว่า 5 หมื่นตันที่ขนส่งออกมาผ่านรางรถไฟนี้แต่เหมืองนี้ก็หยุดลงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความพยายามเปิดเหมืองใหม่อีกครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ และเมื่อจบสงครามโลกครั้งที่สองทางอังกฤษได้รื้อถอนรางรถไฟทั้งหมด  บริเวณที่มีการทำเหมืองเกลือคือบริเวณใกล้ภูเขาไฟDollol ที่เกิดการระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1926   ภาพจั่วหัวคือบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ ทีมีซัลเฟร เกลือ และแร่ธาตุต่างๆตกผลึกเห็นเป็นสีสันต่างอย่างหน้าตื่นใจ

 คาราวานอูฐที่เข้าไปขนเกลือจาก Dallol
นี้คือซากอารยธรรมที่หลงเหลือจากการทำเหมืองเกลือในอดีต
การเข้าไปท่องเที่ยวยังสถานที่แห่งนี้ได้รับคำแนะนำว่าควรเข้าไปถึงพื้นที่ Dallol ในตอนเช้า คนนำทางมักจะให้นักท่องเที่ยวพักอยู่ที่หมู่บ้าน Ela ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกันที่คาราวานอูฐจะแวะพัก และรีบออกเดินทางอีกครั้งในตอนเช้าตรู่ เพื่อไปเยือน สถานที่ร้อนที่สุดในโลก

ขอบคุณ wowboom.blogsport.com


READ MORE

"สลัดซีซาร์" เกี่ยวอะไรกับ จักรพรรดิจูเลียส ซีซาร์ "

Posted by dddasd On วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น


สลัดซีซาร์หรือซีซาร์สลัดที่มีแต่คนเคยกินมาแล้วทั้งนั้น ถือเป็น ราชาแห่งสลัด เลยนะคะ แต่รู้มั้ยว่าสลัดชนิดนี้มีความเป็นมายังไง แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับจูเลียส ซีซาร์ รึเปล่า

ความจริง
สลัดซีซาร์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจักรพรรดิองค์นี้เลย แต่กลับเกี่ยวข้องกับซีซาร์ คาร์ดินี ผู้อพยพชาวอิตาเลียนเจ้าของภัตตาคารแห่งหนึ่งในประเทศเม็กซิโก

ซีซาร์ คาร์ดินี มีชีวิตอยู่ในช่วงค.ศ.1896-1956 อพยพมาตั้งรกรากในซานดิเอโก ประเทศอเมริกา ระหว่างค.ศ.1920-1924เป็นช่วงที่ซีซาร์เปิดร้านอาหารอยู่ พวกชาวอเมริกันและดาราฮอลลีวู้ดต่างก็นิยมกินสลัดกัน

ในเมื่อสลัดต้องกินคู่กับน้ำสลัด ซีซาร์จึงคิดสูตรน้ำสลัดขึ้นมา และตั้งชื่อน้ำสลัดตามนามสกุลและชื่อภัตตาคารที่เขาเป็นเจ้าของอยู่

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
นิตยสารคู่สร้างคู่สม
gourmetdaytoday.com
READ MORE

โทษของน้ำอัดลมมีจริง...

Posted by dddasd On วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

การดื่มน้ำอัดลมมากๆ (โดยเฉพาะน้ำสีดำ) กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่เพราะนอกจากทำลายฟัน ทำให้กระดูกผุ ส่งผลถึงระบบเมตาโบลิซึมและเป็นสาเหตุของเบาหวานแล้ว ยังก่อให้เกิดภาวะไฮโปคาเลเมียหรือโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนเพลียไม่มีแรงจนอาจถึงขั้นอัมพฤกษ์อัมพาตอีกด้วย 

จากการเก็บข้อมูลในผู้ป่วยที่ดื่มน้ำอัดลมวันละ 2 - 9 ลิตรต่อวันต่อเนื่องเป็นประจำพบว่า คนไข้มาพบหมอด้วยอาการ
เหนื่อยล้า กล้ามเนื้อไม่มีแรงไม่อยากอาหาร คล้ายจะอาเจียนตลอดเวลา ผลการตรวจเลือดพบโพแทสเซียมในเลือดต่ำและมีภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันร่วมด้วย แต่หลังจากให้หยุดดื่มน้ำอัดลมและหันมารับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมแล้ว พบว่าอาการป่วยดังกล่าวหายไ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก MET 107 FM "For Life And Music", healthandcuisine.com
READ MORE

สัตว์สองหัว รวมมิตรสัตว์แปลก มีอยู่บนโลกจริงๆ
สัตว์สองหัว รวมมิตรสัตว์แปลก สัตว์สองหัว ที่มีอยู่บนโลกนี้ แทบไม่อยากเชื่อสายตาว่า สัตว์แปลกๆ สัตว์สองหัว จะมีอยู่บนโลกนี้จริงๆไม่ว่าจะเป็น หมูสองหัว งูสองหัว เต่าสองหัว เป็นต้นอยากเห็นว่า สัตว์สองหัว หน้าตาแปลกประหลาดแค่ไหน ที่นี่เรามีให้คุณได้ชมแล้วจ้า


READ MORE

ประวัติ จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์

Posted by dddasd On วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น


จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ (George Bernard Shaw; 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1856 - 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1950) 

เป็นนักเขียนบทละครชาวไอริช เกิดที่เมืองดับลิน ย้ายมาอยู่กรุงลอนดอนเมื่ออายุได้ 20 ปี และพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษจนตลอดชีวิต 

เขาเริ่มต้นชีวิตการทำงาน ด้วยการประพันธ์เพลงและเขียนบทวิจารณ์วรรณกรรม ต่อมาจึงหันมาเขียนบทละคร 

และมีความชำนาญในการประพันธ์บทละครแนวชีวิต 

ชอว์มีผลงานบทละครมากกว่า 60 เรื่อง ส่วนใหญ่มีเนื้อหาที่สะท้อนถึงปัญหาสังคม 

เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี ค.ศ. 1925 และได้รับรางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ในปี ค.ศ. 1938

ผลงานที่มีชื่อเสียง ได้แก่ 

1. Man and Superman (ค.ศ. 1905) 
2. Pygmalion (ค.ศ. 1913) 
3. Saint Joan (ค.ศ. 1923)


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
READ MORE


ไม่นานจอมมารดาจีอาก็ให้กำเนิดเทพบุตร 6 องค์ คือ โอเซียนัส (Oceanus) ซีอัส (Coeus) ครีอัส (Creus) ไฮเพอร์เรออน (Hyperion) ไออาเพทัส (Iapetus) และโครนัส (Cron

-->
us) และให้กำเนิดเทพธิดา 6 องค์ นามว่า เธอา (Thea) เรอา (Rhea) เธมิส (Themis) เธทิส (Thetis) เนโมซิเน (Nemosyne) และฟีบี (Phoebe)

เทพบุตรและเทพธิดาทั้ง 12 องค์นี้มีขนาดร่างกายใหญ่มหึมา เรียกว่า ไททัน (Titan) หรือ ไจแกนทีส (Gigantes) ด้วยขนาดร่างกายที่ใหญ่โตนี้เอง ทำให้จอมบิดาอูรานอสหวาดหวั่นจึงได้จับเทพไททันทั้งหมดโยนลงไปขังไว้ในทาร์ทารัส (Tartarus) ซึ่งเป็นขุมนรกส่วนที่ลึกที่สุดในยมโลกที่มืดมิด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เทพบุตรหรือเทพธิดาองค์ใดใช้พลังเป็นปฏิปักษ์กับจอมบิดาได้

ต่อมาจอมมารดาจีอาก็ให้กำเนิดโอรสที่แปลกประหลาดมากยิ่งขึ้นไปอีก คือ เป็นยักษ์ 50 หัว 100 แขน จำนวน 3 ตน คือ คอตทัส (Cottus) เบรียรูส (Briareus) และไกจีส (Gyges)

อูรานอสรู้สึกกลัวจึงจับพวกเขาโยนลงไปขังในทาร์ทารัสอีก

ต่อมาจอมมารดาจีอาก็ให้กำเนิดโอรสเป็นยักษ์ตาเดียว เรียกว่า ไซคลอปส์ (Cyclops) อีก 3 ตน มีนามตามลำดับว่า ฟ้าลั่น-บรอนทีส (Brontes) ฟ้าแลบ-สเทอโรพีส (Steropes) และแสงวาบ-อาร์จีส (Arges)

จอมบิดาอูรานอสก็จับไซคลอปส์ทั้งสามโยนลงไปขังไว้ในทาร์ทารัสอีกเช่นเดียวกัน แสงสว่างจากไซคลอปส์ทั้งสามนี่เองที่ทำให้ทาร์ทารัสที่มืดมิดพอมองเห็นกันได้ เมื่อเริ่มมองเห็นแสง เทพไททันก็เริ่มคิดหาทางเป็นอิสระ แต่ก็หาวิธีออกจากทาร์ทารัสไม่ได้

จนกระทั่งใครบางคนยืนมือเข้าช่วยเหลือ.....

Credit : หนังสือ ตำนานเทพกรีก / Wikipedia
READ MORE


ราชบัณฑิตเสนอแก้ คำไทย 176 คำ มีศัพท์ฮิตหลายคำที่เปลี่ยนไป เช่น "คอมพิวเตอร์" แก้เป็น "ค็อมพิ้วเต้อร์"

นางกาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิต และนายกสมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กองศิลปกรรมได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นประมาณ 300 ชุด เกี่ยวกับการเขียนคำยืมจากภาษาอังกฤษในพจนานุกรม 

ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 เพื่อสอบถามความเห็นจากคณะกรรมการราชบัณฑิต และผู้ที่เกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงการเขียน
คำที่ยืมจากภาษาอังกฤษใหม่ เนื่องจากพบว่ามีคำศัพท์ที่ยืมมาจากคำภาษาอังกฤษ 176 คำ เขียนผิด และไม่ตรงกับเสียงวรรณยุกต์ของคำนั้นๆ

นางกาญจนา กล่าวต่อว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นมาจากขั้นตอนการถอดคำ หรือว่ายืมคำมาจากภาษาอังกฤษ เมื่อแปลมาเป็นภาษาไทย ไม่ได้เติมวรรณยุกต์เสียงเอก โท หรือตรี

ให่้ตรงตามอักขรวิธีไทย อย่างคำว่า "แคลอรี" การเขียนให้ตรงกับการออกเสียงต้องเป็น "แคลอรี่" หรือว่าคำว่า "โควตา" ถ้าจะให้ตรงกับการออกเสียงต้องเป็นคำว่า "โควต้า" รวมทั้ง "เรดาร์" ต้องเป็นคำว่า "เรด้าร์"

นางกาญจนา กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้สอบถามความเห็นจากสภาราชบัณฑิต ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเติมวรรณยุกต์ และเปลี่ยนแปลงคำศัพท์ทั้ง 176 คำ เพื่อเขียนให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูผลการสำรวจความคิดเห็นอีกครั้งว่าส่วนใหญ่จะเห็นด้วยทุกคำ หรือเห็นด้วยเฉพาะบางคำ

ซึ่งตามกำหนดเวลาแล้ว ภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ทุกคนต้องส่งแบบสอบถามดังกล่าวกลับที่กองศิลปกรรม เพื่อประมวลผลความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่ ทั้งนี้การขอปรับแก้คำศัพท์ทั้ง 176 คำนั้น หากเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าควรเปลี่ยน ก็จะนำไปบรรจุในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตย สถาน พ.ศ.2554 ซึ่งกำลังดำเนินการปรับปรุงเพื่อจัดพิมพ์เล่มใหม่

ที่มา http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2591410
READ MORE

ปริศนาภาพวาด ตำนานของโลก [โมนาลิซ่า] คือใครกันแน่ ??

Posted by dddasd On วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

โมนาลิซา(Mona Lisa) หรือ ลาโชกงด์ (La Gioconda, La Joconde) คือภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร วาดโดย เลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง ค.ศ.1503 ถึง ค.ศ.1507 เป็นภาพที่ทั่วโลกรู้จักกันดีภาพหนึ่ง ในฐานะสุภาพสตรีที่มี รอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครอ
งของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์(Mus&eacutee du Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส


กว่า 500 ปีมากแล้วกับคำถามที่ว่า โมนา ลิซ่า (Mona Lisa) นั้นเป็นใคร ซึ่งยังเป็นปริศนา และยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนและแน่นอน ว่าบุคคลในภาพคือใครกันแน่ ให้ผู้คนได้นึกคิด จินตนาการกันไปต่างๆ นานา ยาวนานถึง 5 ศตวรรษ จวบจนกระทั่งปัจจุบัน คำถามที่ผู้คนสงสัย และได้ค้นคว้าหาคำตอบกันอย่างมากมาย ก็คือ โมนา ลิซ่า คือใคร? 



ตามคำบอกเล่าของ "จิออร์โอ วาซารี" (Giorgio Vasari) จิตรกร สถาปนิก และ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับศิลปะในสมัยนั้น เขากล่าวไว้ว่า โมนา ลิซ่า ก็คือภรรยาของ ฟรานเชสโก เดล จิโอกอนโด ซึ่งเป็นพ่อค้าไหมที่มั่งคั่งแห่ง เมืองฟลอเรนซ์ ขณะที่ ดาวินซี่ เขียนภาพนี้ซึ่งได้ใช้เวลานานถึง 4 ปี เขาได้ไปว่าจ้าง นักร้อง นักดนตรี และตัวตลกมาให้ความบันเทิงแก่หญิงงามผู้เป็นแบบของ ภาพเขียน เพื่อให้เธอมีรอยยิ้มที่ปราศจากความเศร้าหมอง อย่างไรก็ตามจากคำ บรรยายของ วาซารี ก็เป็นเพียงข้อมูลจากผู้ที่ไม่เคยเห็นภาพเขียนนี้ของ ลีโอนาร์โด แต่อย่างใด 



จากหลักฐานอีกแหล่งหนึ่งจาก "อันโตนิโอ เดอ เบอาทิส" ผู้บันทึกปากคำของ ลีโอนาร์โดใน ค.ศ. 1517 ว่าผู้เป็นแบบในภาพคือสตรีชาว ฟลอเรนซ์ และ จูลีอาโน เดอ เมดิซี่ เป็นผู้ว่าจ้างให้เขียนภาพนี้ จากการที่ ไม่มีหลักฐานปรากฎที่แน่ชัด จึงทำให้มีการตั้งข้อสันนิษฐานกันไป ต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น บุคคลใน ภาพอาจเป็น คอนสตันซ่า คาวารอส หรืออาจจะเป็น อิสซาเบลลา เดสเต ผู้อื้อฉาว หรืออาจเป็นภรรยาลับของ จูลีอาโน เดอ เมดิซี่ ทั้งนี้ ก็เพราะได้ปรากฎว่ามี โมนา ลิซ่า (เปลือย) หลายภาพในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็น ที่โด่งดังมากกับภาพเปลือยของสาวผู้นี้ 



นอกจากนี้จากการที่ลีโอนาร์โดเองมีชื่อที่ถูกกล่าวขานกันว่าเขาเป็นพวก รักร่วมเพศ จึงเกิดการสันนิษฐานว่า โมนา ลิซ่า ไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นภาพเหมือนจำแลง เพศของเด็กหนุ่มรูปงามคนใดคนหนึ่ง ซึ่งศิลปินมักเลี้ยงไว้ติดสอยห้อยตามในสตูดิโอ บ้างก็มีการนำภาพเหมือนของ ลีโอนาร์โดมามาเปรียบเทียบกับภาพของ โมนา ลิซ่า แล้วก็สรุปเอาดื้อๆ ว่าภาพเขียนอันลือชื่อนี้แท้ที่จริงคือ ภาพของ ลีโอนาร์โด ดาวิน ซี่เอง แต่งตัวเป็นสตรีเพศ 



ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่สนับสนุนทฤษีนี้ยังกล่าวเสริม ต่อไปว่า ลายปักขดเชือกที่รอบคอเสื้อของ โมนา ลิซ่า คือลายเซ็นลับของ ดาวินซี่เอง เพราะในภาษาอิตาเลี่ยนคำว่า "ขดเชือก" จะตรงกับคำว่า "วินชีเร่" (Vincire) 



แม้ ว่าบุคคลในภาพ โมนา ลิซ่า ยังเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ครอบครองภาพนี้ยังพอมีข้อมูลอยู่บ้าง...



ผู้ครอบครองภาพ โมนา ลิซ่า คนแรก



ก็คือกษัตริย์ฝรั่งเศส ซึ่งโปรดให้นำภาพไปประดับที่ห้องสรงในพระ ราชวัง ฟองแตนโบล แต่เมื่อจักรพรรดินโปเลียนขึ้นครองราชย์ ภาพโมนา ลิซ่า จึงถูกย้ายมาพำนักในห้องพระบรรทม และมีชื่อเรียกอย่าง สนิทสนมว่า "มาดาม ลิซ่า" 



ขอบคุณข้อมูลจาก www.teenee.com


READ MORE

รวมมิตร สัตว์ใหญ่ ยักษ์ มีใหญ่จริงๆ ไปดู
วันนี้จะพาไปดูสิ่งที่เรียกว่า "ใหญ่" ที่คุณอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่คิดว่ามันจะมีขนาดใหญ่โตขนาดนี้ไปชมกันครับ
-->
         

READ MORE