จัดอันดับ 10 แบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

Posted by dddasd On วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555 0 ความคิดเห็น

จัดอันดับ 10 แบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก (ประจำปี พ.ศ. 2554)...

...1. บริษัทโคคา-โคลา ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมน้ำดำสัญชาติสหรัฐ ยังคงครองแชมป์แบรนด์ที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงสุดของโลก มีมูลค่าทางการตลาด 71.861 พันล้านดอลลาร์ จากเมื่อปี 2553
 ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาด 70.452 พันล้านดอลลาร์

2. บริษัทไอบีเอ็ม ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และให้บริการด้านคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ รายใหญ่ของโลก และธุรกิจการให้บริการ มีมูลค่าทางการตลาด 69.905 พันล้านดอลลาร์

3. บริษัทไมโครซอฟท์ บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำโลก มีมูลค่าทางการตลาด 59.087 พันล้านดอลลาร์

4. บริษัทกูเกิ้ล บริษัทให้บริการด้านอินเตอร์เน็ต มีมูลค่าทางการตลาด 55.317 พันล้านดอลลาร์

5. บริษัทเจเนอรัล อิเล็กทริกส์ (จีอี) ดำเนินธุรกิจครบวงจร มีมูลค่าทางการตลาด 42.808 พันล้านดอลลาร์

6. แมคโดนัลด์ บริษัทเครือข่ายร้านอาหารจานด่วน มีมูลค่าทางการตลาด 35.593 พันล้านดอลาร์

7. บริษัทอินเทล บริษัทด้านอิเล็กทรอนิคส์ชั้นนำ มีมูลค่าทางการตลาด 35.217 พันล้านดอลลาร์

8. บริษัทแอปเปิ้ล บริษัทด้านการทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าทางการตลาด 33.492 พันล้าน

9. ดิสนีย์ บริษัทสื่อบันเทิง มีมูลค่าทางการตลาด 29.018 พันล้านดอลลาร์

10. บริษัทเอชพี บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ มีมูลค่าทางการตลาด 28.479 พันล้านดอลลาร์

ส่วนบริษัทในเอเชียที่อันดับดีที่สุดคือ บริษัทโตโยต้า ค่ายรถยนต์ชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น รั้งอันดับ 11 มีมูลค่าทางการตลาด 27.764 พันล้านดอลลาร์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก interbrand.com
READ MORE

ประวัติ step job สตีฟ จ็อบส์ อัจฉริยะของโลก

 "หิมะที่ขาวโผนนั้น  ไม่ว่ามันจะดำเปรอะเปื้อนสักเท่าไหร่  แต่พอปัดดินทิ้งไป หิมะย่อมขาวดังหิมะเช่นเดิม" คำพูดนี้เหมาะกับ
Steve Jobs สุดยอด CEO ของศตวรรษที่ 21 เป็นอย่างยิ่ง  หากเอ่ยถึงชื่อนี้  ในสังคมชาว IT คงไม่มีใครไม่รู้จัก  แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ประวัติ  ที่ไปที่มาของชายคนนี้
           Steve Jobs  เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีประวัติน่าสนใจ  รวมไปถึงวิธีการทำงาน  การใช้ชีวิต  และที่สำคัญ  แนวคิดต่างๆของเขาที่ทำให้  คนประทับใจมานักต่อนัก
          ในปี 1995 Steve Jobs ได้เกิดมาจากแม่ที่ยังอยู่ในวัยของความคะนองที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตร  แถมยังไม่ได้ต้องการที่จะรับผิดชอบเขาในเวลานั้น  โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าต่อไปเด็กคนนี้จะกลายเป็นตำนานบทหนึ่งของวงการเทคโนโลยี  Steve Jobs  เติบโตมากับพ่อแม่บุญธรรมที่ขายแรงงานเพื่อเลี้ยงดูแลเขา    เส้นทางของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ  เขาลาออกจากมหาลัยหลังเข้าเรียนไปได้เพียง  6 เดือน  เพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่า  การเรียนมหาลัยจะช่วยอะไรในชีวิตเขาได้ 
          ซึ่งการที่ตัดสินใจครั้งนี้ก็ทำให้เขาลำบากอยู่ไม่น้อย  เขาต้องอาศัยนอนในห้องเพื่อน  และเก็บกระป๋องไปแลกเงินเพื่อซื้ออาหาร  เขารักษาสภาพการเรียนไว้ด้วยการที่เข้าเรียนวิชาใดก็ได้ที่สนใจในเวลา 18 เดือน  เขาได้เลือกเรียนวิชา  ศิลปะการประดิษฐ์และออกแบบตัวอักษร (Calligraphy) โดยที่   ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะนำไปใช้อะไรได้ในอนาคต
          แต่ 10 ปีหลังจากนั้น  เขากับเพื่อนได้คิดค้นเครื่องคอมพิวเตอร์  Mac ได้สำเร็จ  เป็นเครื่องแรกของโลก  และก่อตั้งบริษัท Apple ขึ้น  ในโรงรถ ในวัยเพียง  20 ปี
          แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น  ต่อจากนั้นอีก 10 ปี  Apple กลายเป็นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ มีพนักงานมากมาย แต่หลังจากที่เขาเพิ่งเปิดตัว Macintosh   ซึ่งเป็นประดิษฐกรรมสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดของเขา ได้เพียงปีเดียว Steve Jobs ก็ถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งเองกับมือ  หลังจากที่เขาทะเลาะกับผู้บริหารที่เขาจ้างมาด้วยตัวเอง  ชื่อ จอห์น สกัลลีย์ [John Sculley]  และกรรมการบริหารทั้งหมดเลือกที่จะเข้าข้างผู้บริหารที่ชื่อ จอห์น สกัลลีย์!!!
           นับจากเหตุการณ์ครั้งนั้น  ชีวิตเขาก็เหมือนกับทุกอย่างมันพังทลายลงมา เขาหมดอะไรตายอยากถึง 5 ปี เต็ม  ในระหว่างนั้น Apple ก็ทรุดลงเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะผ่านผ้บริหารไปหลายคนก็ตาม
แน่นอน! หิมะขาวยังไงย่อมขาวอยู่วันยันค่ำ  เขาตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่ง     เขาเริ่มต้นก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Next และ Pixar และพบรักกับ Laurence ซึ่งต่อมาเป็นภรรยาของเขา Pixar ได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนจากคอมพิวเตอร์  เป็นเรื่องแรกของโลกนั่นคือ Toy Story และขณะนี้เป็นสตูดิโอผลิตการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก  ต่อมาบริษัท Apple ก็มาซื้อ  Next ของเขา
Steve Jobs จึงได้กลับไปยังบริษัทเก่าที่เขาได้ก่อตั้งขึ้นมา  เขาได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่คิดค้นขึ้นภายในบริษัท Next เพื่อฟื้นฟูให้กับ Apple ที่ทรุดลงไปให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
          และเมื่อเขามีอายุ 34 ปีแพทย์พบว่าเขาเป็นโรคมะเร็งในตับอ่อนชนิดที่รักษาไม่ได้  ในขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวตายอย่างช้าๆ คณะแพทย์ได้ค้นพบวิธีรักษามะเร็งตับอ่อน  ชนิดที่พบได้ยากอย่างเขา ด้วยวิธีผ่าตัด และเขาได้เข้าการรักษาและหายขาดในเวลาต่อมา นั่นเป็นอีกครั้งในชีวิตที่เขาเฉียดเข้าไปใกล้ความตาย
และมีข้อคิดดีดีแก่ผู้อื่นอีกหนึ่งข้อนั่นคือ  "ความตายคือประดิษฐกรรมที่ดีที่สุดของชีวิต ความตายคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ความตายกวาดล้างสิ่งเก่าๆ ให้หมดไปเพื่อเปิดทางใหม่แก่สิ่งใหม่ๆ ในชีวิต"
          สตีฟ จ๊อบ ก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วๆไป ที่เกิดมาแบบไม่ได้พร้อมไปทุกอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีก็คือ ความใฝ่ฝัน และ ความเชื่อมั่นในตัวเอง    เขามีวิธีในการทำงานร่วมกับคนฉลาดเพื่อทำความฝันของเขาให้เป็นจริง หนึ่งสิ่งที่ต้องทำให้ได้ก็คือ   เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่าตัวเองก็เกิดมาเพื่อจะประสบความสำเร็จ  แล้วหลังที่เราเชื่อเราก็จะพัฒนาตัวเองตามความเชื่อนั้น  และมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จ  นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากชายคนนี้ สตีฟ Steve Jobs


READ MORE


          ฟอร์บส์ จัดอันดับ 400 มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ เผย บิล เกตส์ ยังครองแชมป์ - มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ร่วงไกลจากอันดับ 14 มาอยู่ที่ 36

          เมื่อวันที่ 19 กันยายน นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานการจัดอันดับ 400 มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ ประจำปี 2012 (พ.ศ. 2555) ผลปรากฏว่า อันดับ 1 - 5 ยังคงเป็นมหาเศรษฐีหน้าเดิมเหมือนปีที่แล้ว โดยมี บิล เกตส์ ครองแชมป์ผู้ร่ำรวยสุดในสหรัฐฯ เป็นปีที่ 19 ติดต่อกัน
และสำหรับ 10 อันดับรายชื่อมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ ประจำปี 2012 มีดังนี้

 
บิล เกตส์ ยังแชมป์รวยสุดในสหรัฐฯ - ซัคเกอร์เบิร์ก ร่วง

           อันดับที่ 1 ได้แก่ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ ทรัพย์สินรวม 66,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,046,000 ล้านบาท) หลังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7,000 ล้านดอลลาร์
 
บิล เกตส์ ยังแชมป์รวยสุดในสหรัฐฯ - ซัคเกอร์เบิร์ก ร่วง

           อันดับที่ 2 ได้แก่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าของบริษัท เบิร์กไชร์ ฮาธะแวย์ ทรัพย์สินรวม 46,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,426,000 ล้านบาท)
 
บิล เกตส์ ยังแชมป์รวยสุดในสหรัฐฯ - ซัคเกอร์เบิร์ก ร่วง

           อันดับที่ 3 ได้แก่ แลร์รี เอลลิสัน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ออราเคิล คอร์ป ทรัพย์สินรวม 41,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,271,000 ล้านบาท)
 
บิล เกตส์ ยังแชมป์รวยสุดในสหรัฐฯ - ซัคเกอร์เบิร์ก ร่วง

           อันดับที่ 4 - 5 ได้แก่ คือ สองพี่น้อง ชาร์ล และเดวิด โค้ช เจ้าของบริษัท โค้ช อินดัสทรีส์ ทรัพย์สินรวม 31,000 ล้านดอลลาร์เท่ากัน (ประมาณ 930,000 ล้านบาท)
 
บิล เกตส์ ยังแชมป์รวยสุดในสหรัฐฯ - ซัคเกอร์เบิร์ก ร่วง

           อันดับที่ 6 - 9 ได้แก่ พี่น้องตระกูลวอลตัน เจ้าของห้างวอลมาร์ท

          - คริสตี วอลตันและครอบครัว ทรัพย์สินรวม 27,900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 837,000 ล้านบาท)
          - จิม วอลตัน ทรัพย์สินรวม 26,800 ล้านดอลลาร์ (804,000 ล้านบาท)
          - อลิซ วอลตัน ทรัพย์สินรวม 26,300 ล้านดอลลาร์ (789,000 ล้านบาท)
          - เอส.ร็อบสัน วอลตัน ทรัพย์สินรวม 26,100 ล้านดอลลาร์ (783,000 ล้านบาท)
 

           อันดับ 10 ได้แก่ ไมเคิล บรูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก ทรัพย์สินรวม 25,000 ล้านดอลลาร์ (750,000 ล้านบาท)
 
บิล เกตส์ ยังแชมป์รวยสุดในสหรัฐฯ - ซัคเกอร์เบิร์ก ร่วง

          ขณะที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์เฟซบุ๊ก สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนไม่น้อย หลังจากที่พบว่าเขาร่วงจากอันดับ 14 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่ที่ 36 เนื่องจากรายได้รวมลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง เหลืออยู่ 9,400 ล้านดอลลาร์ (282,000 ล้านบาท)

          ทั้งนี้ ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า มหาเศรษฐีชาวอเมริกันทั้ง 400 อันดับ มีทรัพย์สินรวมกันเพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 1 ใน 8 ของขนาดตัวเลขเศรษฐกิจรวมของสหรัฐฯ
READ MORE



เหล้าลูกหนู คืออะไร ? มี ถิ่นกำเนิดจากจีน เป็นเหล้าองุ่นที่แสนธรรมดานิยมดื่มทั้งในเกาหลีและจีน โดยมีเครื่องผสมสุดพิเศษคือลูกหนู ลูกหนูสดๆ ตามความเชื่อของเกาหลีถือว่ามันเป็น"ยาบำรุงสุขภาพ" วิธีทำก็ง่ายๆ ก็เอาลูกหนูที่ตาปิด ตัวสีแดงชมพู น่ารัก 
ที่ถูกพรากไปจากอ้อมกอดของแม่หนูทั้งหลาย และนำมาใส่เข้าไปในเหล้าองุ่นขาว 1 ขวด (ในขณะมันยังชีวิตอยู่) จำนวนที่ใส่ก็แล้วแต่ยี่ห้อหรือแล้วแต่เจ้า และนำมาหมัก จา
กนั้นก็นำมาดื่มหรือนำมาปรุงก็ตามใจคุณเถิด แหวะๆ

แค่นี้ซอฟๆ มีชวนแหวะมากกว่านี้อีก
ชาบู เสื่อมสุดๆ แหวะๆ =[]=;
อยากดูอาหารแปลกๆอีกก็บอกนะ วันนี้แอดมินขยัน (ป่าวหรอก ทำชดเชยวันที่ผ่านมาที่ไม่ได้โพสกับวันข้างหน้าที่อาจไม่ได้โพส ;[]; ) เดี๋ยวจะนำมาให้อ้อกกัน -__-;
(เทศกาลแปลกๆยังทำไม่จบเบย =w=)


ขอบคุณ postjung.com
READ MORE