ประวัติความเป็นมาสามก๊ก
สามก๊กฉบับต้นฉบับนั้น แต่งขึ้นโดย "เฉินโซ่ว" ชาวเสฉวนที่มีชีวิตอยู่ในยุคสามก๊กจริงๆ แต่เกิดไม่ทันฉากสำคัญหลายฉาก เขาเกิดใน ค.ศ. 233 หลังพระเจ้าเหี้ยนเต้ตกบัลลังก์ไปแล้ว ตระกูลของเขานั้นทำงานเป็นบริวารให้จ๊กก๊กของเล่าปี่ รวมทั้งตัวเขาด้วย แต่พ่อเขาบันทึกเรื่องราวการต่อสู้ของทั้งสามก๊กไว้อย่างละเอียดและเป็นจริง
ค.ศ. 263 แผ่นดินจ๊กก๊กที่เขาอยู่ประกาศยอมแพ้ต่อวุยก๊ก เฉินโซ่วและครอบครัว และชาวจ๊กก๊กอื่นๆ จึงถูกนำตัวไปที่วุยก๊ก ขณะนั้นสุมาเจียว (司馬昭) อ๋องแห่งวุยก๊ก เสียชีวิตลง สุมาเอี๋ยนขึ้นเป็นวุยอ๋องแห่งวุยก๊กแทนแทน
ค.ศ. 265 สุมาเอี๋ยน ขับพระเจ้าโจฮวน (曹奐) ออกจากราชบัลลังก์และสถาปนาตนเป็นพระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ (晉武帝) จักรพรรดิพระองค์แรกแห่งราชวงศ์ใหม่ ราชวงศ์จิ้นตะวันตก และ 15 ปีต่อมา ก็สามารถรวบรวมสามก๊กเป็นหนึ่งเดียวได้ พระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ทรงโปรดให้เฉินโซ่ว รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงศึกสามก๊กอย่างละเอียด ตั้งแต่ช่วงพระเจ้าเลนเต้ขึ้นครองราชย์ใน ค.ศ. 168 จนถึงการรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียวใน ค.ศ. 280 อย่างละเอียด เพื่อเอากลศึกต่างๆ ที่เกิดในยุคนี้ให้เป็นตำราสงครามให้แก่คนรุ่นหลัง สามก๊กฉบับแรกนี้มีชื่อว่า "ซานกว๋อจื้อ" แต่ซานกว๋อจื้อก็ไม่ได้รับความนิยม
ต่อมาในช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่าง ค.ศ. 1330 - ค.ศ. 1400 หลอกว้านจง ก็ได้นำซานกว๋อจื้อมาแต่งใหม่ในรูปแบบนิยายกึ่งประวัติศาสตร์ โดยเนื้อเรื่องนำมาจากซานกว๋อจื้อบ้างและแต่งเพิ่มเองบ้าง ซึ่งเมื่อเทียบกับซานกว๋อจื้อนั้น พบว่ามาจากซานกว๋อจื้อ ร้อยละ 70 และแต่งเอง ร้อยละ 30 โดยประมาณ ซึ่งจุดที่เป็นการแต่งเติม นักประวัติศาสตร์พอคาดเดาได้บางจุด เช่น
จุดแรก จุดเริ่มต้นของเรื่อง ฉากที่ เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย ได้กรีดเลือดสาบานเป็นพี่น้องกันนั้น สมัยนั้นยังไม่มีประเพณีการสาบานเป็นพี่น้องกันแบบนี้ มีเพียงการดื่มเลือดสาบานของเหล่าบ่าวรับใช้ว่าจะจงรักภักดีต่อนายเท่านั้น การดื่มเลือดสาบานเป็นพี่น้องนั้นมาจากลัทธิหมิงเจี้ยว ที่เพิ่งเกิดขึ้นและโด่งดังมากในช่วงชีวิตของหลอกว้านจง และหลอกว้านจงได้นำลัทธิหมิงเจี้ยวนี้เอง มาใส่ลงวรรณกรรมสามก๊กของตน และในซานกว๋อจื้อของเฉินโซ่วก็ไม่ได้กล่าวว่ามีการดื่มเลือดสาบานระหว่างเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุยแต่อย่างใด
อีกจุดหนึ่งที่เด่นๆ คือ จุดที่กล่าวว่า ขงเบ้งตอนจนตรอกถูกสุมาอี้ยกทัพมากว่าแสนคนจะมายึดเมืองเสเสีย ขณะที่ตนมีเพียงทหารที่ไม่ชำนาญศึกเพียงห้าพันนาย ขงเบ้งจึงเปิดประตูเมืองทุกบาน ให้ทหารปลอมเป็นชาวเมืองและทำกิริยาเหมือนเป็นชาวบ้านกำลังทำกิจวัตรตามปกติ ส่วนขงเบ้งก็ไปนั่งดีดพิณบนกำแพงเมืองอย่างสบายใจ เมื่อสุมาอี้มาถึงเห็นว่าชาวเมืองและขงเบ้งไม่มีอาการตกใจหรือลนลาน ขงเบ้งคงเตรียมการรับมือไว้อย่างดีแล้วกระมัง เราคงสู้ขงเบ้งไม่ได้ สุมาอี้จึงถอยทัพไปเอง จุดที่กล่าวมานี้ไม่มีในซานกว๋อจื้อ แต่หลอกว้านจง นำประวัติศาสตร์จากยุคจิ๋นซีฮ่องเต้มา โดยมีเรื่องราวว่า ในสมัยนั้นจีนก็แตกเป็นแคว้นๆ ดังเช่นยุคสามก๊ก และมีช่วงหนึ่ง รัฐฉู่ยกทัพมาจะรบรับรัฐเจิ้ง รัฐเจิ้งอ่อนแอกว่ารัฐฉู่อย่างเห็นได้ชัด แต่แม่ทัพใหญ่แห่งรัฐเจิ้งได้หลอกชาวเมืองว่ารัฐฉู่มาค้าขายไม่ใช่มารบ ชาวเมืองจึงเชื่อสนิทยกข้าวของมาค้าขายนอกกำแพงรัฐอย่างเอิกเกริก เมื่อทัพฉู่มาถึงก็ตกใจว่าทำไมรัฐเจิ้งไม่ตกใจลนลานกลับทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่จะเป็นกลลวงหรือเปล่า บุกเข้าไปเราคงตายหมดแน่ ทัพฉู่จึงถอยทัพ
หลอกว้านจงจึงนำเรื่องราวนี้มาแต่งเพิ่มลงในสามก๊กฉบับของตน และหลอกว้านจงยังมีการแต่งเพิ่ม หรือดัดแปลงเนื้อเรื่องจากซานกว๋อจื้ออีกหลายจุด เมื่อหลอกว้านจงแต่งเสร็จ สามก๊กของหลอกว้านจงก็เป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน
ฉบับภาษาไทยมีหลายสำนวนแปล ที่โด่งดังคือฉบับของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) และยาขอบ (สามก๊กฉบับวณิพก)
วรรณกรรมชิ้นนี้ยังได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโกให้เป็นสุดยอดวรรณกรรมชิ้นหนึ่งของโลกด้วย
2 ความคิดเห็น:
แวะเข้ามาอ่านสามก๊ก
ขอบคุณครับสำหรับบทความที่มีประโยชน์
ขออนุญาตประชาสัมพันธ์โมเดลโลหะอัลลอย 3 ก๊ก สำหรับแฟนพันธ์แท้ 3 ก๊ก หรือผู้ที่ชื่นชอบ ราคาหน้าซื้อมากค่ะ จัดส่งฟรีทั่วประเทศ ดูได้ที่
https://www.facebook.com/profile.php?id=100005917337996
หรือเว็บไซต์ LAZADA
http://www.lazada.co.th/3kingdom/
แสดงความคิดเห็น